แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้าไม่จำต้องยื่นแบบแจ้งราย+การประเมินตามพะราชบัญญัติภาษีการค้า+ตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน +ชื่อเป็นผู้เช่า แต่คนอื่น+การค้าและคนค้าเสีย+เขาเอง คนที่ลงชื่อเป็นเขาไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีการค้า ป.พ.พ.ม.537 +แป๊ะเจี๊ยะไม่ใช่ค่าเช่าศาลอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายความที่จำเลยแจ้งต่อเจ้าพนักงานเป็นเท็จหรือไม่+เป็นข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีนี้ได้ความว่าเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๖ จำเลยผู้เป็นผู้เช่าห้อง ๒ ห้องจากกระทรวงธรรมการแทนบุตรีจำเลย โดยให้บุตรีจำเลยทำการเย็บปักถักร้อย ค่าเช่าห้องเดือนละ ๒๔ บาท แลบุตรีจำเลยเป็นผู้เสียค่าเช่าเอง แลได้เสียค่าแป๊ะเจี๊ยะให้แก่ผู้ให้เช่าไปแล้ว ๒๒๐ บาท ต่อมาเจ้าพนักงานได้มีหนังสือสั่งให้จำเลยยื่นใบประเมินและทำบัญชีสินค้าส่งไปยังอำเภอ จำเลยเห็นว่าไม่ควรเสียภาษีการค้า จึงได้มีจดหมายตอบไปยังอำเภอตามความจริงดังกล่าวข้างต้น โจทก์เห็นว่าจำเลยไม่ยื่นใบประเมินการค้าเป็นการหลบเลี่ยงภาษีตามพระราชบัญญัติ แลเห็นว่าจำเลยแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานโดยที่จำเลยเป็นผู้เช่าห้องรายนี้ จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลเดิมเห็นว่าเงินค่าแป๊ะเจี๊ยะนั้นตาม ม.๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีการค้าไม่ได้นับรวมเป็นค่ารายปี ทั้งไม่ใช่ค่าเช่าที่เรียกไว้ล่วงหน้า โดยเป็นแต่เงินซื้อสิทธิที่จะเข้าไปอยู่ในห้องเช่าแลฟังว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าข้อความนั้นเป็นเท็จ พิพากษาให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยควรมีผิดฐานไม่ยื่นแบบแจ้งรายการประเมินแลว่าจำเลยควรมีผิดฐานแจ้งความเท็จ
ศาลฎีกาเห็นว่าเงินแป๊ะเจี๊ยะไม่ใช่ค่าเช่าจะไปคิดรวมกับค่าเช่าหาได้ไม่ แลจำเลยไม่ได้ทำการค้าขายเอง จึงไม่จำเป็นต้องยื่นแบบแจ้งรายการประเมิน ส่วนข้อแจ้งความเท็จเห็นว่าเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งศาลฎีกาต้องฟังตาม. จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์