คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2478

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เงินค่ากินเปล่าหาใช่เป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าไม่เพราะมิใช่เป็นเงินให้แก่ผู้ให้เช่าในฐานะตอบแทนการได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์
บุคคลผู้ประกอบการค้าทั่วไปหาต้องถูกบังคับให้ต้องกรอกและยื่นแบบแจ้งรายการไม่
บทบัญญัติที่ว่าด้วยการอุทธรณ์ใช้บังคับแก่บุคคลที่มีหน้าที่ต้องยื่นรายการประเมินเท่านั้น

ย่อยาว

ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ได้เช่าห้องแถวของกระทรวงธรรมการโดยเสียค่าเช่าเดือนละ ๒๔ บาท กับค่ากินเปล่า ๒๒๐ บาท และจำเลยได้ได้ประกอบการค้าหมู่ที่ ๕ คือเป็นช่างประดิษฐ์อาภรณ์ โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าภาษีสำหรับปี พ.ศ. ๒๔๗๖ โดยคำนวณค่ารายปีแห่งสถานที่ประกอบการค้าในอัตราร้อยละ ๖ คิดเป็นเงิน ๓๐ บาท ๔๘ สตางค์ กับค่าเพิ่มภาษีอีก ๑๐๐ บาท ในฐานะที่จำเลยไม่ได้ยื่นแบบแจ้งรายการประเมิน และเมื่อเจ้าพนักงานได้แจ้งรายการประเมินและบอกจำนวนเงินที่ต้องเสียภาษีให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยก็ไม่นำเงินมาชำระภายใน ๓ วัน จึงต้องเสียเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ ๒๐ รวมเงินค่าภาษีทั้งหมดที่จำเลยต้องรับผิด ๑๕๖ บาท ๕๗ สตางค์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจะคิดเอาเงินกินเปล่ามารวมเป็นค่าเช่าด้วยไม่ได้ ฉะนั้นจำเลยจึงยังไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องเสียภาษีให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าค่ารายปีของอสังหาริมทรัพย์สมควรจะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ฉะนั้นค่ากินเปล่าต้องรวมอยู่ในค่าเช่าด้วย เมื่อจำเลยไม่ได้ยืนอุทธรณ์คัดค้านการประเมินภายใน ๑๕ วัน ตามมาตรา ๒๑ จำเลยก็หมดสิทธิที่จะคัดค้าน จึงพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
ศาลฎีกาตัดสินว่าเงินกินเปล่าหาใช่เป็นเงินให้แก่ผู่ให้เช่าในฐานะ+แทนได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์ที่ให้เช่า และโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าทรัพย์ที่เช่าสมควรจะให้ค่าเช่ากันมีผลเท่าไร ส่วนค่ารายปี ๕๐๘ บาทนั้น ก็เป็นการที่เจ้าพนักงานคิดเอาเงินค่าเช่าและค่ากินเปล่ารวมกันเข้า ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โจทก์มิได้ยืนยันว่าค่าเช่าในปีหนึ่งเท่าใด คดีจึงไม่มีประเด็นถึงเรื่องว่าห้องแถวรายนี้สมควรจะให้ค่าเช่าปีหนึ่งเท่าใด และเมื่อทรัพย์ที่เช่ามีค่ารายปีไม่เกินเดือนละ ๒๕ บาท จำเลยก็ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตาม พ.ร.บ. เพราะฉะนั้นจำเลยจึงไม่เป็นบุคคลซึ่งต้องถูกบังคับให้มีหน้าที่ต้องกรอกและยื่นแบบแจ้งรายการ ม. ๑๔ ซึ่งให้เจ้าพนักงานเก็บภาษีมีหนังสือสั่งผู้กระทำผิด+ให้ยื่นแบบเจ้งรายการก็ระบุถึงบุคคลผู้พึงชำระค่าภาษีเท่านั้น ส่วนบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์ก็กล่าวเจาะจงถึงผู้รับประเมินจึงจะยกเอามาเป็นข้อตัดสิทธิจำเลยที่จะต่อสู้คัดค้านในคดีนี้หาได้ไม่ จึงกลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น

Share