คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฉุดคร่าหญิงไปเพื่อการอนาจาร แล้วต่อมาในวันเดียวกันจำเลยได้ ข่มขืนกระทำชำเราหญิงนั้นด้วย ถือว่าความผิดฐานพาหญิงไปเพื่ออนาจารและความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารในคดีหนึ่งไปแล้ว ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเราในอีกคดีหนึ่งได้

ย่อยาว

ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยทั้งสองในคดีนี้ได้ถูกฟ้องต่อศาลมณฑลทหารบกที่ 4 (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์) ตามคดี อ.ดำที่ 8/2506 ว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2506 เวลากลางวันติดต่อถึงเวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้ง 2 นี้กับนายเติ๊งได้ร่วมกันสมคบกันฉุดคร่าพานางสาวสังขยาไปเพื่อการอนาจารโดยใช้ปืนขู่ ใช้กำลังกายฉุดคร่าพานางสาวสังขยาไปเพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา เป็นเหตุให้นางสาวสังขยาถูกข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง ดังได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกฐานสมคบกันข่มขืนกระทำชำเราต่อศาลจังหวัดอุตรดิตถ์เป็นคดีหนึ่งต่างหากแล้ว เหตุเกิดที่ตำบลนาอิน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ จำเลยทั้ง 2 นี้กับนายเติ๊งให้การรับสารภาพ ศาลนั้นได้พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองนี้กับนายเติ๊งฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ไปแล้วตามคดีแดงที่ 4/2506

ในวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยทั้งสองนี้ก็ได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีนี้ว่าเมื่อคืนระหว่างวันที่ 5 กับ 6 มกราคม 2506 จำเลยได้ร่วมสมคบกันข่มขืนกระทำชำเรานางสาวสังขยาซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยจำเลยที่ 1 ใช้กำลังกายกอดปล้ำจับให้นอนหงายจำเลยที่ 2 ช่วยจับหัวไหล่และแขนไม่ให้ดิ้น แล้วจำเลยที่ 1 กระทำชำเราสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง ต่อมาคืนเดียวกันนั้น จำเลยที่ 1 ข่มขืนชำเรานางสาวสังขยาอีก 2 ครั้ง ทั้งนี้โดยนางสาวสังขยาอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้เหตุเกิดที่ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 276 และนับโทษต่อจากคดีอาญาดำที่ 8/2506 ของศาลทหารดังกล่าวข้างต้นนั้นด้วย จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยตามฟ้อง

คดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาตามฎีกาของจำเลยว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียววาระเดียวกันหรือไม่

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้คำฟ้องในคดีนั้น (คดีศาลทหาร) จะปรากฏว่าฉุดคร่าเมื่อ 5 มกราคม 2506 กลางวันติดต่อกลางคืนหลังเที่ยง และในคดีนี้จะปรากฏว่าข่มขืนกระทำชำเราระหว่างวันที่ 5 กับ 6 มกราคม 2506 ติดต่อกันเวลากลางคืนก็ดี เวลาและสถานที่ก็ยังต่างกัน การกระทำฉุดคร่าก็เป็นคนละอย่างต่างกับการกระทำชำเรา

แม้จะบรรยายฟ้องว่า ฉุดไปเพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเราก็ไม่แสดงว่าการฉุดคร่ากับการชำเราได้กระทำลง ได้เป็นไปในขณะเดียวกันการที่นายเติ๊งถูกฟ้องว่าสมคบร่วมกันฉุดคร่าด้วย แต่มิได้ถูกฟ้องว่าสมคบร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ก็ส่อแสดงว่าการฉุดคร่าเสร็จเป็นการขาดตอนไปแล้ว ต่อมาจึงมีการข่มขืนกระทำชำเราขึ้นในตอนหลัง เป็นคนละตอนต่างหากจากกัน ถึงแม้ศาลจะได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในคดีฉุดคร่า ก็ไม่ได้ชื่อว่ามีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดข่มขืนกระทำชำเราซึ่งได้ฟ้อง

พิพากษายืน

Share