คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองยิงผู้เสียหาย 1 นัด สาเหตุจากผู้เสียหายแอบดูภริยาจำเลยอาบน้ำและยิงในขณะที่ผู้เสียหายตกลงไปในลำเหมืองซึ่งอยู่ในที่จำกัดและจำเลยอยู่ห่างจากผู้เสียหายเพียงเล็กน้อย เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาจากลำเหมืองแล้วจำเลยก็ยังถือปืนวิ่งไล่ผู้เสียหายห่าง 2-3 เมตร โดยมิได้ยิงผู้เสียหายอีก ดังนี้จำเลยกระทำไปเพื่อขู่และปรามผู้เสียหายยังไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 81, 371, 288, 297 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 91, 371, 288, 297 เรียงกระทงลงโทษ ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน อันเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานทำร้ายร่างกายเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นอันเป็นบทหนัก จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 10 ปี 6เดือน ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 6 เดือน รวมกับโทษฐานพาอาวุธปืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วเป็นจำคุก 1 ปี ให้ยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่า นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…รับฟังได้ว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงในที่เกิดเหตุ 1 นัดจริงที่จำเลยนำสืบว่ามิได้ใช้อาวุธปืนยิงจึงรับฟังไม่ได้ ปัญหาต่อไปมีว่า จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ เห็นว่า อาวุธปืนของจำเลยเป็นปืนลูกซอง ขณะที่จำเลยยิงปืน จำเลยอยู่ห่างจากผู้เสียหายเพียงเล็กน้อย และผู้เสียหายตกลงไปในลำเหมืองซึ่งอยู่ในที่จำกัดหากจำเลยมีเจตนาจะยิงผู้เสียหายแล้วก็ยากที่ผู้เสียหายจะหลบหนีพ้น ผู้เสียหายเบิกความว่า หลังจากขึ้นจากลำเหมืองแล้วจำเลยยังถืออาวุธปืนวิ่งไล่ตามมาห่าง 2-3 เมตร แต่ก็ไม่ปรากฎว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายอีกทั้งที่อาจทำได้โดยง่าย และสาเหตุคดีนี้ก็เป็นเรื่องที่จำเลยโกรธผู้เสียหายเนื่องจากไปแอบดูภริยาจำเลยอาบน้ำ ซึ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าจะเป็นสาเหตุทำให้จำเลยต้องคิดฆ่าผู้เสียหาย น่าเชื่อว่า จำเลบใช้อาวุธปืนยิงเพื่อขู่และปรามผู้เสียหายกับพวกมากกว่าคดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย…’
พิพากษายืน.

Share