แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วันที่จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่วันใดไม่ปรากฏแต่บันทึกความเสียหายที่จำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ไว้ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2522 และหลังจากนั้นปรากฏว่าบ้านของโจทก์ยังเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีกเรื่อย ๆ แม้จำเลยจะมีหลักฐานการรับมอบงานช่วงหน้าบ้านโจทก์แสดงว่าจำเลยที่ 1 ก่อสร้างถนนในส่วนวางท่อระบายน้ำ ถมทรายบนท่อ พร้อมทั้งบดอัดแน่น และทำผิวจราจรถมทรายและบดอัดแน่นเสร็จตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2522 แล้วก็ตามแต่หลังจากวันที่ 8 ธันวาคม 2522 ยังมีการทำถนนบริเวณหน้าบ้านโจทก์ต่อไป การที่บ้านโจทก์ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ 8 ธันวาคม 2522 จึงสืบเนื่องมาจากการทำถนนของจำเลยที่ 1 นั่นเองโจทก์ให้ช่างซ่อมตัวบ้านไม่ให้ทรุด ลงอีกในปลายปี 2523 และฟ้องคดีนี้วันที่ 23 เมษายน 2524 ยังไม่พ้นเวลา 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ ระหว่างปลายปี ๒๕๒๒ ถึงกลางปี ๒๕๒๓ จำเลยที่ ๑ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ก่อสร้างถนนสายรัชดาภิเษกโดยประมาทเลินเล่อทำให้บ้านของโจทก์ซึ่งอยู่ติดถนนดังกล่าวพังแตกร้าว โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยซ่อมแซมบ้านของโจทก์ จำเลยไม่จัดการหากปล่อยทิ้งไว้บ้านของโจทก์อาจพังล้มลงโจทก์จึงจ้างช่างมาซ่อมแซมเท่าที่จำเป็นเสียค่าจ้างและค่าวัสดุรวมเป็นเงิน ๔๒,๖๔๔ บาท และจะต้องซ่อมแซมบ้านให้คืนสภาพเดิมอีกเป็นเงิ๒๗๐,๐๐๐ บาท ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน จำนวน ๓๑๒,๖๔๔ บาทพร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ รับเหมาสร้างถนนตามฟ้องไม่ได้ เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ มิได้ประมาทเลินเล่อแต่ก่อสร้างถนนดังกล่าวด้วยความระมัดระวังโดยมีจำเลยที่ ๒ ดูแลอย่าใกล้ชิด การสร้างถนนไม่ได้ทำให้บ้านโจทก์เสียหาย จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๘ค่าเสียหาย โจทก์ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ฟ้องเคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความ
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นนายจ้างของจำเลยที่ ๑ แต่เป็นผู้ว่าจ้าง ความเสียหายที่โจทก์ได้รับไม่ได้เกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสอง ค่าเสียหายของโจทก์ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิ๑๒๒,๖๔๔ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุที่ตัวบ้านโจทก์เสียหายเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการทำถนนของจำเลยที่ ๑ เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าปัญหาต่อไปมีว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์นำสืบว่าเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ ทำถนนรัชดาภิเษกผ่านรั้วบ้านของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตก ทำให้บ้านของโจทก์เสียหาย นายนิพนธ์ นายชัยสิทธิ์ และนายกวีพจน์ได้ทำบันทึกความเสียหายเอกสารหมาย จ.๓ ให้โจทก์ไว้ ต่อมาได้ติดต่อให้จำเลยทั้งสองมาซ่อมแซมบ้านให้โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองผัดผ่อนเรื่อยมา ทำให้บ้านทรุดโทรมลงไปเรื่อย ๆ ต่อมาได้ไปร้องทุกข์กับจำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๒๓ ตามสำเนาคำร้องเอกสารหมาย จ.๗ และมีนายนิพนธ์ มงคลสมัย มาเบิกความสนับสนุนว่า ได้เข้าไปดูบ้านโจทก์ในราวเดือนธันวาคม ๒๕๒๒ พยานดูบ้านโจทก์หลายครั้ง ครั้งหลังรอยร้าวเพิ่มขึ้นจากรอยร้าวเดิม พยานได้รับคำสั่งจากนายสมพรหัวหน้างานให้รายงานความเสียหายของโจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๗ แผ่นที่ ๒ แต่รายงานที่ทำตามเอกสารหมาย จ.๗ เป็นความเสียหายตอนปี ๒๕๒๒ ไม่ได้รายงานความเสียหายที่เพิ่มเติมภายหลัง เห็นว่า วันที่จำเลยที่ ๑ ทำละเมิดต่อโจทก์เริ่มตั้งแต่วันใดไม่ปรากฏ และตามบันทึกเอกสารหมาย จ.๓ ไม่ได้ลงวันที่แต่มีข้อความที่ด้านหลังบันทึกดังกล่าวตรงมุมซ้ายว่า “ได้มาตรวจแล้ว๘ ธ.ค. ๒๒ ลายมือชื่อ และ บ.ไทยสถาปนา จำกัด” แสดงว่า หลังจากวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ บ้านโจทก์ยังได้รับความเสียหายเพิ่มเติมขึ้นอีกเรื่อย ๆ แม้ฝ่ายจำเลยจะมีหลักฐานการรับมอบงานช่วงหน้าบ้านโจทก์ให้แก่จำเลยที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ และวันที่๑๘ มิถุนายน ๒๕๒๒ ตามเอกสารหมาย ล.๓ และ ล.๕ ตามลำดับแสดงว่าจำเลยที่ ๑ ได้ก่อสร้างถนนในส่วนวางท่อระบายน้ำ ถมทรายบนท่อ พร้อมทั้งบดอัดแน่นและทำผิวจราจรโดยปรับระดับเสริมแต่พื้นที่ และถมทรายแล้วบดอัดแน่นเสร็จตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๒ แล้วก็ตาม แต่ก็ได้ความจากคำเบิกความของนายวิสิษฐ์ พิริยานุสรณ์ และนายกวีพจน์ กรรมการของจำเลยที่ ๑ ว่า หลังจากวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ไปแล้ว ยังมีการทำถนนบริเวณหน้าบ้านของโจทก์ ต่อไปโดยการบดอัดผิวถนน ซึ่งใช้รถบดถนนและรถบดสั่นสะเทือนและตั้งแต่วันที่ ๒๓เมษายน ๒๕๒๓ จำเลยที่ ๑ ได้ทำท่อระบายน้ำต่อโดยถมชั้นหินฝุ่นและปูทางเท้าโดยใช้เครื่องมือบดอัดซึ่งมีน้ำหนักประมาณ ๑๐๐ กิโลกรัมการเทคอนกรีตถนนทำแล้วเสร็จประมาณเดือนสามหรือสี่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ จึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่าการที่บ้านของโจทก์ได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๒๒ นั้นสืบเนื่องมาจากการทำถนนของจำเลยที่ ๑ นั่นเอง ปรากฏว่าโจทก์ให้ช่างซ่อมพยุงตัวบ้านไม่ให้ทรุดลงอีกในราวปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๓ โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๓ เมษายน๒๕๒๔ ยังไม่พ้นกำหนดเวลา ๑ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๔๘ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ ฯลฯ
พิพากษายืน.