แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่โจทก์ผู้ซื้อทำกับจำเลยที่1ผู้ขายระบุว่าผู้ซื้อและผู้ขายตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในอันที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาด้วยความสุจริตจะไม่กระทำการใดๆหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าการละเมิดการใช้ไฟฟ้าหมายถึงการทำลายหรือการดัดแปลงแก้ไขมาตรวัดไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ประกอบใดๆตลอดจนเครื่องหมายหรือตราต่างๆทำให้มาตรวัดไฟฟ้าอ่านค่าคลาดเคลื่อนหรือเป็นผลให้ผู้ขายต้องสูญเสียประโยชน์อันพึงมีพึงได้หรือกระทำการอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือต่อไฟตรงโดยไม่ผ่านมาตรวัดไฟฟ้าเห็นได้ว่าการที่จำเลยที่1จะเรียกให้โจทก์ชดใช้ในกรณีละเมิดการใช้ไฟฟ้าได้จะต้องเป็นกรณีที่โจทก์กระทำการใดๆหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการใดอันมีลักษณะเป็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าแต่พยานหลักฐานของจำเลยที่1ฟังไม่ได้ว่าการละเมิดการใช้ไฟฟ้าเกิดจากการกระทำของโจทก์หรือโจทก์ยอมให้ผู้อื่นกระทำกลับปรากฏว่ามิเตอร์และอุปกรณ์ประกอบตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะนอกโรงงานโจทก์และห่างหน้าโรงงานประมาณ150เมตรเป็นที่เปลี่ยวไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียงคนทั่วไปเข้าถึงได้ตลอดเวลาทั้งก่อนเกิดเหตุคดีนี้จำเลยที่1มีหนังสือถึงโจทก์ขอความร่วมมือประสานงานการจดหน่วยทุกๆวันจึงไม่น่าเชื่อว่าโจทก์จะทำการละเมิดการใช้ไฟฟ้าทั้งๆที่รู้ว่าจำเลยที่1กำลังระมัดระวังอยู่โจทก์ไม่จำต้องรับผิดในการละเมิดการใช้ไฟฟ้า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าจากจำเลยที่ 1ซึ่งมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการ จำเลยที่ 2 มีหนังสือถึงโจทก์กล่าวหาว่า โจทก์ใช้กระแสไฟฟ้าไม่ถูกต้องตามระเบียบของจำเลยที่ 1เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายและเรียกค่าละเมิดสิทธิการใช้กระแสไฟฟ้าจากโจทก์ โดยให้ชำระภายใน 7 วัน หากไม่ชำระจะงดจ่ายกระแสไฟฟ้า โจทก์จึงจำต้องชำระพร้อมดอกเบี้ยเป็นเงิน854,355.61 บาท ซึ่งจำเลยทั้งสองจะต้องคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน854,355.61 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ละเมิดการใช้ไฟฟ้า จึงต้องรับผิดตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โจทก์ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่จำเลยทั้งสองเป็นการรับไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ต้องคืนให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 854,355.61 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทำสัญญาเป็นหนังสือซื้อกระแสไฟฟ้าจากจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2532 ตามสำเนาสัญญาซื้อขายกระแสไฟฟ้าเอกสารหมาย จ.2 ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม 2533 นายสุทธินนท์พนักงานของจำเลยที่ 1 รับแจ้งทางวิทยุจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครสวรรค์ ให้ไปตรวจสอบมิเตอร์ของโจทก์ เนื่องจากหน่วยการใช้ไฟฟ้าของโจทก์ลดลงผิดปกติ นายสุทธินนท์กับพวกขอตรวจสอบมิเตอร์ พนักงานของโจทก์ไม่ยอมให้ตรวจในวันนั้นแต่ให้มาตรวจในวันรุ่งขึ้น พนักงานของจำเลยที่ 1 จึงเดินไปที่มิเตอร์ที่ติดตั้งอยู่กับเสาไฟฟ้านอกโรงงานของโจทก์ ห่างหน้าโรงงานของโจทก์ประมาณ 150 เมตร พบจานหมุนของมิเตอร์หมุนถอยหลังตราตะกั่วที่จุดต่อสายด้านแรงต่ำของซีทีทั้งสองชุดหาย นอตยึดฝาครอบกล่องต่อสายมีรอยคลายพนักงานของจำเลยที่ 1 ทำบันทึกการตรวจสอบมิเตอร์ไว้และนำไปให้พนักงานของโจทก์เซ็นชื่อพนักงานของโจทก์ไม่ยอมเซ็น ต่อมาในวันเดียวกันพนักงานของจำเลยที่ 1 มาดูมิเตอร์ดังกล่าวอีกครั้งพบว่าจานหมุนหมุนเดินหน้าตามปกติ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 จำเลยที่ 2 มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ทราบผลการตรวจสอบและเรียกร้องให้โจทก์ชำระเงินจากการละเมิดการใช้ไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นเงิน 800,000 บาท ภายใน7 วัน นับแต่วันออกหนังสือ หากโจทก์ไม่จัดการก็จะงดจ่ายกระแสไฟฟ้าโจทก์จึงต้องผ่อนชำระเงินแก่จำเลยที่ 1 เป็น 12 งวด รวมทั้งดอกเบี้ยแล้วเป็นเงินที่โจทก์ชำระแก่จำเลยที่ 1 จำนวน 854,355.61บาท คดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกเงินดังกล่าวคืนจากจำเลยที่ 1 หรือไม่ จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์ละเมิดการใช้ไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า โจทก์จึงต้องชดใช้เงินแก่จำเลยที่ 1 ตามสำเนาสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเอกสารหมาย จ.2 ข้อ 5มีใจความว่า การละเมิดการใช้ไฟฟ้า ผู้ซื้อและผู้ขายตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย ในอันที่จะปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าด้วยความสุจริต และจะไม่กระทำการใด ๆ หรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการใด อันมีลักษณะเป็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้าการละเมิดการใช้ไฟฟ้า หมายถึง การทำลายหรือการดัดแปลงแก้ไขมาตรวัดไฟฟ้าและหรืออุปกรณ์ประกอบใด ๆ ตลอดจนเครื่องหมายหรือตราต่าง ๆ ทำให้มาตรวัดไฟฟ้าอ่านค่าคลาดเคลื่อน หรือเป็นผลให้ผู้ขายต้องสูญเสียประโยชน์อันพึงมีพึงได้หรือกระทำการอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือทำนองเดียวกัน หรือต่อไฟตรงโดยไม่ผ่านมาตรวัดไฟฟ้า ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 จะเรียกให้โจทก์ชดใช้ในกรณีละเมิดการใช้ไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่โจทก์กระทำการใด ๆ หรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการใด อันมีลักษณะเป็นการละเมิดการใช้ไฟฟ้า แต่พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ได้ว่า การละเมิดการใช้ไฟฟ้าเกิดจากการกระทำของโจทก์หรือโจทก์ยอมให้ผู้อื่นกระทำ กลับปรากฏว่ามิเตอร์และอุปกรณ์ประกอบดังกล่าวตั้งอยู่ริมถนนสาธารณะนอกโรงงานของโจทก์ ห่างหน้าโรงงานของโจทก์ประมาณ 150 เมตรเป็นที่เปลี่ยวไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียง คนทั่วไปเข้าถึงได้ตลอดเวลา ทั้งเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2533 จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงโจทก์ขอความร่วมมือประสานงานการจดหน่วยทุก ๆ วัน จึงไม่น่าเชื่อว่าโจทก์จะกระทำการละเมิดการใช้ไฟฟ้าทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจำเลยที่ 1กำลังระมัดระวังอยู่ นอกจากนั้นยังได้ความว่าโจทก์มีคู่แข่งทางการค้า ดังนี้การละเมิดการใช้ไฟฟ้าจึงอาจจะเกิดจากเหตุดังกล่าวก็ได้ โจทก์ไม่จำต้องรับผิดในการละเมิดการใช้ไฟฟ้าและมีสิทธิเรียกเงินจำนวน 854,355.61 บาท คืนจากจำเลยที่ 1ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน