แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ร่วมกันออกเช็ค โดยจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่าย จำเลยที่ 2 เป็นผู้กรอกรายการในเช็คชำระหนี้ ให้ อ.แล้วอ. นำมาชำระหนี้ให้โจทก์ ทั้งนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ดังนี้ เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว ต้องรับฟังไว้ดำเนินการต่อไป
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 คงนัดไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามฎีกาของโจทก์มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ได้บรรยายการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่อ้างว่าเป็นความผิดแล้วหรือไม่ ในข้อนี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อประมาณเดือนเมษายน 2528 จำเลยนี้ได้ร่วมกันออกเช็คธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขานครศรีธรรมราช เช็คเลขที่ 3293633 ลงวันที่ 16 พฤษภาคม 2528จำนวนเงิน 30,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายจำเลยที่ 2เป็นผู้กรอกรายการในเช็คชำระหนี้ค่าซื้อภาพยนต์ให้นายอนันต์ จันทรัตน์ แล้วนายอนันต์ นำมาชำระหนี้ให้โจทก์ ฯลฯทั้งนี้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ฯลฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 โดยเป็นผู้กรอกรายการลงในเช็ค และร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 โดยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้วชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับฟ้องโจทก์ไว้แล้วดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ต้องบรรยายพฤติการณ์อื่นที่พอจะถือได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมออกเช็คอีกนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องจำเลยที่ 2ด้วยแล้วดำเนินการต่อไป