แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ทำสัญญารับจ้างก่อสร้างอาคารกับหน่วยราชการ ต่อมาโจทก์โอนสิทธิและมอบอำนาจในการรับเงินแต่ละงวดทั้งหมดให้แก่บริษัท ว. และโจทก์ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ให้บริษัท ว. เป็นผู้ออกใบกำกับภาษีและเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้ เมื่อโจทก์ยังเป็นคู่สัญญากับทางราชการ โจทก์จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม ป.รัษฎากร มาตรา 82 (1) โดยมีความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มทันทีที่ได้รับชำระค่าบริการ ตามมาตรา 78/1 (2) และอาจนำภาษีซื้อไปหักออกจากภาษีขายที่โจทก์เรียกเก็บจากทางราชการในกรณีที่โจทก์ได้รับเงินค่าจ้างจากทางราชการได้ ตามมาตรา 82/3 และ 82/4 การที่โจทก์ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงเป็นการเสียภาษีไปตามความรับผิดในการที่โจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอันเป็นความรับผิดตามกฎหมาย เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยจึงประเมินให้โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเงินเพิ่มและเบี้ยปรับได้ และการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของโจทก์และของบริษัท ว. หาได้เป็นการซ้ำซ้อนกันไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๔๑ และวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๑ เจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากโจทก์เป็นเงินภาษี เบี้ยปรับและเงินเพิ่มทั้งสิ้น ๑๑,๒๕๒,๙๑๐.๔๕ บาท โจทก์อุทธรณ์คัดค้านการประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยให้ลดเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมเรียกเก็บทั้งสิ้นเป็นเงิน ๓,๐๓๕,๗๕๒ บาท โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวเพราะโจทก์ได้ทำสัญญาโอนสิทธิการรับเงินค่าจ้างทั้งหมดให้แก่บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด โจทก์จึงไม่มีรายได้ที่จะนำมาชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ในการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างแต่ละงวดส่วนราชการผู้ว่าจ้างได้ขอรับใบกำกับภาษีจากผู้รับโอนสิทธิทำให้โจทก์เสียสิทธิในการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือนเพราะโจทก์ไม่ได้ออกใบกำกับภาษีให้แก่ส่วนราชการ โจทก์ไม่มีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มในเงินค่าจ้างดังกล่าวครบถ้วนแล้ว จำเลยไม่มีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากโจทก์อีก ขอให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ และขอให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มกับเพิกถอนคำสั่งอายัดแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า การประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขการประเมินตามหนังสือแจ้งการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่ม กับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ โดยให้งดเบี้ยปรับ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ได้ทำสัญญารับจ้างก่อสร้างอาคารพักพยาบาล โรงพยาบาลสตูล และสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสตูล กับทางราชการ ต่อมาโจทก์ได้ทำสัญญาโอนสิทธิในการรับเงินค่าจ้างทั้งหมดให้แก่บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด หลังจากทำการก่อสร้างแล้วทางราชการได้จ่ายค่าจ้างแต่ละงวดให้แก่บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีและเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม และชำระภาษีแก่จำเลย โดยโจทก์มิได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มและชำระภาษีแก่จำเลย มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์จะต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม และจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มแก่จำเลยหรือไม่ โจทก์อ้างว่า โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เนื่องจากโจทก์มอบให้บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และมอบโอนสิทธิการรับเงินค่าจ้างแทนแล้ว เห็นว่า แม้โจทก์จะมอบโอนสิทธิการรับเงินค่าจ้างให้บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ไปแล้วก็ตาม แต่โจทก์ก็ยังคงเป็นคู่สัญญากับทางราชการ การที่บริษัทผู้รับโอนรับเงินค่าจ้างไปก็รับไปในฐานะตัวแทนของโจทก์ ดังจะเห็นได้จากสัญญาโอนสิทธิการรับเงินค่าจ้างในข้อ ๓ ระบุว่าในการรับเงินดังกล่าวผู้โอนสิทธิตกลงมอบอำนาจให้ผู้รับโอนสิทธิเป็นผู้รับเงินค่าจ้างโดยตรงจากผู้ว่าจ้าง จึงเห็นได้ชัดเจนว่าการรับเงินดังกล่าวเป็นการรับเงินแทนโจทก์ โจทก์ยังคงเป็นคู่สัญญากับทางราชการอยู่ ในฐานะที่โจทก์เป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โจทก์จึงเป็นผู้มีหน้าที่ที่จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม ป.รัษฎากร มาตรา ๘๒ (๑) เมื่อทางราชการจ่ายค่าจ้างในแต่ละงวดโดยบริษัทผู้รับโอนรับไปนั้นก็ต้องถือว่าโจทก์เป็นผู้รับเงินค่าจ้างดังกล่าว ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจึงต้องเกิดขึ้นทันทีที่ได้รับชำระราคาค่าบริการตามส่วนของบริการที่สิ้นสุดลงตาม ป.รัษฎากร มาตรา ๗๘/๑ (๒) โดยโจทก์จะต้องเรียกเก็บจากผู้รับบริการตามมาตรา ๘๒/๔ และจะต้องนำรายได้ดังกล่าวไปยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมทั้งชำระภาษีตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๘๓ แห่ง ป.รัษฎากร ซึ่งตามบทบัญญัติดังกล่าวก็ยังกำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน ไม่ว่าจะมีการให้บริการในเดือนนั้นหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินให้โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจึงชอบแล้ว ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์ต่อไปว่า หากโจทก์จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอีกจะเป็นการซ้ำซ้อนกันเนื่องจากบริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ก็ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีนี้ไว้เช่นกันนั้น เห็นว่า การที่บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ได้รับมอบอำนาจให้รับเงินค่าจ้างแทนโจทก์ ก็เนื่องจากโจทก์ได้มอบให้บริษัทดังกล่าวทำการก่อสร้างแทนโจทก์ จึงเท่ากับว่าโจทก์ได้จ้างให้บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ก่อสร้างแทนโจทก์ดังกล่าว บริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ให้บริการแก่โจทก์ จึงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในฐานะเป็นผู้ประกอบการ และเป็นผู้ให้บริการโดยเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากโจทก์ และออกใบกำกับภาษีขายให้แก่โจทก์ ภาษีมูลค่าเพิ่มที่โจทก์ถูกเรียกเก็บดังกล่าว โจทก์ก็สามารถนำไปเป็นภาษีซื้อ ซึ่งจะนำไปหักภาษีขายที่โจทก์เรียกเก็บจากทางราชการในกรณีที่โจทก์ได้รับเงินค่าจ้างจากทางราชการ ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มได้ตามมาตรา ๘๒/๔ และมาตรา ๘๒/๓ แห่ง ป.รัษฎากร ซึ่งในกรณีนี้ในชั้นอุทธรณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็ได้พิจารณาปรับปรุงนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีของบริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด มาหักภาษีขายให้แก่โจทก์แล้ว ดังนั้น หากโจทก์ทำการยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้อง โจทก์ก็ชอบจะนำภาษีซื้อไปหักภาษีขายได้ ทำให้ไม่มีรายการเสียภาษีซ้ำซ้อนกันระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการของโจทก์กับบริษัทวนรัตน์เอนจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด การที่โจทก์ไม่ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยประเมินให้โจทก์เสียภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ จึงเป็นการเรียกให้โจทก์รับผิดตามความรับผิดที่โจทก์มีตามกฎหมาย การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของโจทก์และของบริษัทวนรัตน์เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด จึงหาได้ซ้ำซ้อนกันดังที่โจทก์อุทธรณ์มาไม่
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ.