คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4412/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยขาดนัดพิจารณา ระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียวหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว แต่ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยมาศาลและยื่นคำร้องอ้างว่า มิได้จงใจขาดนัด ขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลย ดังนี้เป็นการที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสองการที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีกและศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าถือว่าจำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการไต่สวนและพิจารณาพิพากษาไปนั้น ศาลชั้นต้นเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควร กรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสาม (3) และมาตรา 207(3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ไม่ใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะเป็นการต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยาและให้จำเลยแบ่งที่ดินตามฟ้องให้โจทก์กึ่งหนึ่ง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
วันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ แต่ยังไม่มีคำพิพากษา จำเลยมาศาลและยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้อง
วันนัดไต่สวน จำเลยไม่มาศาลตามเวลานัด ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาไต่สวน ให้งดการไต่สวน หลังจากศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนพิจารณาจบ จำเลยมาศาลยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่จำเป็นต้องสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะมีคำสั่งงดการไต่สวนแล้ว และพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้จำเลยแบ่งสินสมรสให้โจทก์กึ่งหนึ่งตามฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่า มิได้จงใจขาดนัดและคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205(3)ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้จำเลยขาดนัดพิจารณา แต่ระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียวหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว แต่ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยมาศาลและยื่นคำร้องอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลย ดังนี้เป็นการที่ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสอง การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีก และศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าถือว่าจำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการไต่สวนและพิจารณาพิพากษาไปนั้นศาลชั้นต้นเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรศาลฎีกาเห็นว่า กรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรคสาม(3) และมาตรา 207(3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น ไม่ใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ เพราะเป็นการต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share