คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คณะกรรมการประมูลได้ตกลงให้เอกชนเป็นผู้รับทำการประมง ผู้ประมูลได้ก็ได้เซ็นชื่อยอมรับข้อตกลงนั้น นับว่าเป็นสัญญาผูกพันกันได้ตามกฎหมาย และสัญญานี้คณะกรรมการผู้เป็นเจ้าพนักงานได้ทำแทนรัฐบาลซึ่งกระทรวงเกษตราธิการเป็นเจ้าหน้าที่โดยตรง กระทรวงเกษตราธิการจึงมีสิทธิ์รับเอาสัญญานี้ได้ เมื่อผู้ประมูลผิดสัญญา กระทรวงเกษตราธิการก็มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ประมูลได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมูลเพื่อทำการประมงต่อคณะกรรมการเจ้าหน้าที่มีกำหนด ๒ ปี โดยเสนอให้ค่าอากร ๖๕๐๐ บาท ภายหลังจำเลยผิดสัญญาและบอกปัดไม่ยอมรับทำการประมงรายนี้ เจ้าพนักงานจึงประมูลใหม่มีผู้ให้ค่าอากรอย่างสูงเพียง ๒๐๐๐ บาท ซึ่งต่ำกว่าเงินที่จำเลยประมูลได้ ๔๕๐๐ บาท โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยใช้เงิน ๔๕๐๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ผิดสัญญาและตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่ใช่คู่สัญญากับจำเลย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า กรณีพิพาทเป็นเรื่องผิดสัญญา เรื่องนี้คณะกรรมการ ๓ นายลงลายมือชื่อเป็นคู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง จำเลยเป็นคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่ง โจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นคู่สัญญาด้วยเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์มีสิทธิ์อ้างตนเป็นตัวการเข้ารับเอาสัญญานี้ได้ จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจบันทึกฉบับลงวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๙๒ แล้วเห็นว่าบันทึกนี้มีข้อความชัดเจนเป็นใจความว่า คณะกรรมการประมูลได้ตกลงให้จำเลยเป็นผู้รับทำการประมงและจำเลยก็ได้เซ็นชื่อยอมรับข้อตกลงนั้น นับว่าเป็นสัญญาผูกพันกันได้ตามกฎหมาย
ส่วนข้อที่ว่าโจทก์มิใช่คู่สัญญาก็ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า สัญญานี้คณะกรรมการผู้เป็นเจ้าพนักงานได้ทำแทนรัฐบาล ซึ่งกระทรวงเกษตราธิการโจทก์ในคดีนี้เป็นเจ้าหน้าที่โดยตรง จึงมีอำนาจเข้ารับเอาสัญญานี้ได้ เหตุนี้จึงพิพากษายืน

Share