คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องคดีอาญานั้น ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการได้แต่ศาลต้องมีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องที่ร้องเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมเสียก่อน จึงจะถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการโจทก์ ฉะนั้นเพียงแต่ผู้เสียหายร้องขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลสั่งเพียงว่า “สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด” พอถึงวันนัด จำเลยสารภาพ ศาลก็ตัดสินคดีไปทีเดียวถือว่าผู้เสียหายยังมิได้เข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในคดีนั้น

ย่อยาว

อัยการโจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยใช้มีดแทงนายจรินทร์แต่มีผู้ห้ามกั้นกางเสีย จึงยังไม่ได้แทงลงไป ขอให้ลงโทษต่อมานายจรินทร์ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งว่า ” สำเนาให้ทุกฝ่าย ไว้พูดกันวันนัด
ครั้นถึงวันนัดพิจารณา จำเลยให้การรับสารภาพศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก ๑๐ วันปรับ ๕๐ บาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๕๔,๖๐,๕๙ แต่โทษจำคุกให้ยก
นายจรินทร์ผู้ร้องอุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำคุก
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลยังมิได้อนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมจึงอุทธรณ์ไม่ได้ ไม่รับเป็นฟ้องอุทธรณ์
นายจรินทร์ผู้ร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง
นายจรินทร์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามกฎหมายให้อำนาจผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ก็จริง แต่เรื่องนี้ยังไม่มีฝ่ายใดรับรองว่าผู้ร้องเป็นผู้เสียหาย เมื่อศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งอนุญาตตามคำขอของผู้ร้องแล้ว ผู้ร้องจึงไม่อยู่ในฐานะเป็นโจทก์ร่วมในคดี ย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาได้แต่ประการใดเลย
จึงพิพากษายืน

Share