คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6487/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ที่จะฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาจะต้องสาบานตัวด้วยตนเองจะมอบให้ผู้อื่นสาบานตัวแทนไม่ได้ เพราะการสาบานเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเอง การที่ ส. ผู้รับมอบอำนาจสาบานตัวให้คำชี้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แทนจำเลยทั้งสามจึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจาก ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสามรับผิดชำระหนี้ให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสามอุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยทั้งสามสาบานตัวให้คำชี้แจงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า การสาบานตัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจำเลยผู้รับมอบอำนาจไม่อาจกระทำได้ ไม่รับคำร้อง จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยทั้งสามมอบอำนาจให้นายสุรยุทธ โคตระวีระ ดำเนินการต่อสู้คดีแทนเมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาแล้ว นายสุรยุทธผู้รับมอบอำนาจและทนายความของจำเลยทั้งสามได้ยื่นอุทธรณ์ ต่อมานายสุรยุทธผู้รับมอบอำนาจได้ยื่นคำร้องขอดำเนินอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์โดยนายสุรยุทธผู้รับมอบอำนาจเข้าสาบานตัวชี้แจงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่า จำเลยทั้งสามเป็นคนยากจนไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อแรกที่ต้องวินิจฉัยมีว่า ในกรณีที่จำเลยทั้งสามขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ผู้รับมอบอำนาจเข้าสาบานตัวให้คำชี้แจงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แทนจำเลยทั้งสามผู้มอบอำนาจได้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคแรก นั้น ผู้ที่จะฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาจะต้องสาบานตัวด้วยตนเองจะมอบให้ผู้อื่นสาบานตัวแทนไม่ได้เพราะการสาบานเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเอง ฉะนั้นการที่นายสุรยุทธผู้รับมอบอำนาจสาบานตัวให้คำชี้แจงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แทนจำเลยทั้งสามจึงเป็นการไม่ชอบ”
พิพากษายืน หากจำเลยยังติดใจอุทธรณ์ ให้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมมาวางภายในเวลา 15 วัน นับจากวันทราบคำพิพากษาศาลฎีกา

Share