คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยสองคนถูกหาว่าชิงทรัพย์และฆ่าคน เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยแต่ละคนสามารถแยกรับฟังได้ กรณีจึงมิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของนายชวย อูแม ไปโดยใช้อาวุธปืนยิงทำร้ายนายชวยโดยเจตนาจะฆ่า นายชวยถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกยิง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๓ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิด ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคท้าย วางโทษจำคุกคนละ ๑๖ ปี จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๘ ปี ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าประจักษ์พยานโจทก์ได้เห็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานที่จะให้ศาลฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้กระทำผิดดังฟ้อง ซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดี พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสอง
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานโจทก์ประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ ๒ ฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ ได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๑ พยานโจทก์ยังเป็นที่น่าสงสัย ศาลต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลยที่ ๑ และเมื่อเหตุผลในข้อเท็จจริงสามารถแยกรับฟังได้ กรณีจึงหาใช่เป็นเหตุในลักษณะคดีไม่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรคท้าย ๑๖ ปี ลดโทษฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง ให้จำคุก ๘ ปี และให้จำเลยที่ ๒ คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share