คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4331/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีเหตุอันสมควร ที่จำเลยไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานบุคคลและพยานเอกสารดังอ้างมาสืบเพื่อประโยชน์แก่จำเลย หรือไม่ทราบว่า พยานหลักฐานดังกล่าวได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด ในเมื่อพยานบุคคลที่จำเลยอ้างระบุเพิ่มเติมเป็นพนักงานของจำเลยเอง และพยานเอกสารที่อ้างก็เป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยซึ่งจำเลยควรได้รู้อยู่ก่อนแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุที่ร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 88 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน ๒,๒๓๕,๗๐๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงินจำนวน ๒,๑๕๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทไทยเศรษฐกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๑,๘๘๖,๓๑๑.๕๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน ๑,๘๑๔,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสาม กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสาม โดยกำหนดค่าทนายความ ๒๐,๐๐๐ บาท ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสามสำหรับจำเลยร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์ทั้งสามกับจำเลยร่วมให้เป็นพับ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑๐,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ทั้งสาม
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ มีว่า… คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ ๓ ชอบหรือไม่…
ในปัญหาสุดท้ายว่า คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ ๓ ชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๒ ยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมครั้งที่ ๓ เกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้แสดงให้เห็นว่า มีเหตุอันสมควรที่จำเลยที่ ๒ ไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานบุคคลและพยานเอกสารดังอ้างมาสืบเพื่อประโยชน์แก่จำเลยที่ ๒ หรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานดังกล่าวได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด ในเมื่อพยานบุคคลที่จำเลยที่ ๒ อ้างระบุเพิ่มเติมเป็นพนักงานของจำเลยที่ ๒ เอง และพยานเอกสารที่อ้างก็เป็นเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ควรได้รู้อยู่ก่อนแล้ว กรณีจึงไม่มีเหตุที่ร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ วรรคสาม คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ ๒ ทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ ๒ ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๕,๐๐๐ บาท แทนโจทก์ทั้งสาม.

Share