แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2541 เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ต่อศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง ให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 และศาลฎีกาพิพากษายืน ผลของคดีที่ให้ยกคำร้องจึงเป็นที่สุด จำเลยไม่อาจขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2541 ซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว และไม่อาจถือเอารายละเอียดต่าง ๆของคำร้องฉบับดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2543 ซึ่งจำเลยได้ยื่นต่อศาลในภายหลังได้ เพราะพ้นกำหนดระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยแล้ว
การที่จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2541 โดยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสองนั้น เป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยเอง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ที่จะขยายระยะเวลาให้จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ได้อีก ไม่ชอบที่ศาลจะรับคำร้องฉบับหลังไว้ไต่สวนต่อไป
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี สัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกัน จำเลยทั้งห้าขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยทั้งห้าไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่อีก อ้างว่าจำเลยทั้งห้าขอถือเอาเหตุที่จำเลยทั้งห้าไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาและรายละเอียดต่าง ๆ ในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ และขอเพิ่มเติมรายละเอียดข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้กู้เงินและรับเงินจากโจทก์ แต่ได้ทำสัญญาค้ำประกันหนี้ของผู้มีชื่อและโจทก์ได้ฟ้องผู้มีชื่อเป็นคดีแพ่งแล้ว โจทก์จึงดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้ตามฟ้อง และจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ ไม่ได้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๕ จึงไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ พยานหลักฐานของจำเลยทั้งห้ามีน้ำหนักน่าเชื่อและหักล้างพยานโจทก์ได้ อาจทำให้คำพิพากษาของศาลเปลี่ยนแปลงไป ขอให้ศาลอนุญาตให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยทั้งห้าฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาชั้นฎีกาว่า คำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ของจำเลยทั้งห้าชอบหรือไม่ จำเลยทั้งห้าฎีกาว่า จำเลยทั้งห้าขอถือเอาคำร้องขอพิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ เป็นหลัก และขอนำเอารายละเอียดต่าง ๆ ในคำร้องขอพิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ มาเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องขอพิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ดังนั้น คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยทั้งห้าฉบับหลังจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย ชอบที่ศาลจะรับไว้ไต่สวนต่อไปนั้น เห็นว่า เดิมจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ เพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ต่อศาล ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า คำร้องของจำเลยทั้งห้าดังกล่าวไม่มีรายละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง ให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งห้าอุทธรณ์ฎีกาต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค ๑ และศาลฎีกาพิพากษายืน ผลของคดีที่ให้ยกคำร้องจึงเป็นอันถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยทั้งห้าไม่อาจขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ ซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว และไม่อาจถือเอารายละเอียดต่าง ๆ ของคำร้องฉบับดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของคำร้องขอพิจารณาใหม่ฉบับลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ซึ่งจำเลยทั้งห้าได้ยื่นต่อศาลในภายหลังได้ เพราะพ้นกำหนดระยะเวลา ๑๕ วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยทั้งห้าแล้ว ส่วนการที่จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ ฉบับลงวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๑ โดยไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคสอง นั้น ก็เป็นความผิดพลาดบกพร่องของจำเลยทั้งห้าเอง ไม่อาจถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ที่จะขยายระยะเวลาให้จำเลยทั้งห้ายื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ได้อีก จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับคำร้องฉบับหลังไว้ไต่สวนต่อไป ศาลอุทธรณ์ภาค ๓ พิพากษายกคำร้องของจำเลยทั้งห้าชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.