คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4314/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้นเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องหลังจาก ที่ พ.ชกจำเลยล้มลงแล้ว ผู้ตายก้มตัวจะดึงจำเลยขึ้น แต่จำเลย สำคัญผิดว่าผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย ซึ่งหากมีเหตุการณ์เช่นนั้น เกิดขึ้นจริง จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะกระทำการใด ๆ เพื่อป้องกันตนได้ แต่ก่อนเกิดเหตุจำเลยรู้อยู่แล้วว่า ผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นเครือญาติ กับจำเลยเองไม่มีผู้ใดมีอาวุธและตามพฤติการณ์ไม่มีเหตุผลใด ที่ฝ่ายผู้ตายจะรุมทำร้ายจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน โดยสำคัญผิดและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาฆ่านายนิรันดร์ คำสร้อย ผู้ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๖๒, ๖๙ ลงโทษจำคุก ๙ ปี ลดโทษหนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงให้จำคุก ๖ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้นเป็น เหตุการณ์ต่อเนื่องหลังจากที่นายบุญฤทธิ์ชกจำเลยล้มลงแล้ว ผู้ตาย ก้มตัวจะดึงจำเลยขึ้น แต่จำเลยสำคัญผิดว่า ผู้ตายจะเข้ามาทำร้าย จำเลย ซึ่งหากมีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นจริงจำเลยย่อมมีสิทธิ ที่จะกระทำการใด ๆ เพื่อป้องกันตนได้ แต่ก่อนเกิดเหตุจำเลย รู้อยู่แล้วว่า ผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นเครือญาติกับจำเลยเองไม่มี ผู้ใดมีอาวุธ และตามพฤติการณ์ไม่มีเหตุผลใดที่ฝ่ายผู้ตายจะรุกทำร้าย จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยสำคัญผิด และเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
พิพากษายืน

Share