แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หน้าทีนำสืบ
ถ้าปรากฏว่ามีน้ำสุราเจือปนอยู่ในความครอบครองของผู้ขาย ก็ลงโทษได้ความในมาตรา 60 ที่ว่าถ้าจำเลยทำโดยสุจริตก้มิให้ตัดสินให้จำเลยทำโดยสุจริตก็มีให้ตัดสินให้จำเลยแพ้นั้นนับว่าเป็นบทยกเว้น จึงตกเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบถึงความสุจริต
ย่อยาว
คดีได้ความว่าจำเลยบังอาจมีน้ำสุราของรัฐบาลที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดยเอาน้ำหรือวัตถุอื่นเจือปนทำให้ดีกรีน้อยลงโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีน้ำสุราเจือปน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าโจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความว่า จำเลยเป็นผู้เจือปนเอง จำเลยจึงจะผิด
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ดจทก์นำสืบได้ว่าน้ำสุราในครอบครองของจำเลยมีการเจือปนและจำเลยนำสืบไม่ได้ว่าผู้อื่นเจือปนก็ผิดตามมาตรา ๙ พ.ร.บ.ภาษีชั้นในแก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.๒๔๓๖ จริงอยู่มาตรา ๖๐ แห่ง พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน จ.ศ.๑๒๔๘ เป็นข้อยกเว้นซึ่งจำเลยมีหน้าที่สืบ มิใช่หน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบว่าจำเลยกระทำการทุจริต โจทก์มีหน้าที่เพียงจะต้องนำสืบว่าจำเลยกระทำผิด เมื่อจำเลยสู้ว่ามีข้อยกเว้นโทษอย่างไรก็ต้องนำสืบตามข้อต่อสู้ว่ากระทำโดยสุจริตอย่างนั้น เมื่อจำเลยนำสืบไม่ได้ก็ต้องมีความผิด จึงพิพากษายืน