แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่1ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้ธ. มาแล้วแต่ธ.ไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลเพราะหลงลืมทั้งได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไว้ด้วยคำร้องจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา208แล้วศาลต้องไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา209และการที่ธ.ไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดีการที่ธ. ปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของธ. ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่1ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนัดมาศาลได้หรือไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินให้แก่โจทก์ 5,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,500,000 บาท นับแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2535และต้นเงิน 2,500,000 บาท นับแต่วันที่ 7 มกราคม 2536 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้อง(วันที่ 29 มกราคม 2536) ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดไม่เกิน46,975 บาท ตามที่โจทก์ขอ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ 5,000 บาท
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1นัดแรก เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2536 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่นำสืบก่อนทนายโจทก์และทนายจำเลยที่ 2 มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 1 ไม่มาศาล แต่มีผู้นำคำร้องของทนายจำเลยที่ 1มายื่นต่อศาลชั้นต้นรวม 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยที่ 1 ป่วยด้วยเหตุท้องเสีย คำร้องฉบับที่ 2เป็นคำร้องขออนุญาตระบุพยานเพิ่มเติม แต่ไม่มีใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ขณะที่ศาลชั้นต้นบันทึกรายงานกระบวนพิจารณามีนายธัญลักษณ์ สุขจิตร นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 มายื่นต่อศาล เมื่อศาลชั้นต้นตรวจพิจารณาใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1และสอบถามผู้นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 มายื่นต่อศาลแล้วปรากฎว่าใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ดังกล่าว เป็นใบมอบฉันทะปลอม ศาลชั้นต้นจึงไม่รับพิจารณาคำร้องขอเลื่อนคดี และคำร้องขอระบุพยานเพิ่มเติมของทนายจำเลยที่ 1 เนื่องจากเป็นการยื่นต่อศาลโดยผู้ไม่มีอำนาจยื่น เมื่อเป็นวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาล ทั้งไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยที่ 1ขาดนัดพิจารณา ทนายโจทก์ซึ่งมาศาลแถลงขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้คู่ความส่งต้นฉบับเอกสารที่ประสงค์จะอ้างอิงเป็นพยานในคดีนี้โจทก์ส่งเอกสารเป็นพยาน 6 อันดับ หมาย จ.1 ถึง จ.6 จำเลยที่ 2แถลงว่าไม่ติดใจส่งเอกสารใด ๆ ศาลชั้นต้นเห็นว่า ไม่จำต้องสืบพยานโจทก์จึงให้งดสืบพยาน คดีเสร็จการพิจารณา และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 8 กรกฎาคม 2536 ต่อมาภายหลังจากศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคดีนี้แล้ว จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่27 กรกฎาคม 2536 ขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 แล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 โดยไม่ไต่สวนไม่ชอบข้อเท็จจริงฟังได้ตามท้องสำนวนว่า ในวันนัดสืบพยานจำเลยที่ 1วันที่ 8 มิถุนายน 2536 ทนายจำเลยที่ 1 ได้มอบให้นายธัญลักษณ์สุขจิตร มายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและขอระบุพยานเพิ่มเติมแต่ปรากฎว่าไม่มีใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 ขณะศาลชั้นต้นกำลังบันทึกรายงานกระบวนพิจารณา นายธัญลักษณ์ได้นำใบมอบฉันทะของทนายจำเลยที่ 1 มายื่นต่อศาล ศาลชั้นต้นได้ตรวจลายมือชื่อทนายจำเลยที่ 1 ในใบมอบฉันทะแล้ว เห็นว่า ไม่เหมือนกับลายมือชื่อของทนายจำเลยที่ 1 ในเอกสารอื่นได้สอบถามนายธัญลักษณ์แล้วนายธัญลักษณ์รับว่าเป็นผู้ปลอมลายมือชื่อของทนายจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอเลื่อนคดียื่นต่อศาลโดยผู้ไม่มีอำนาจยื่นจึงให้ยกคำร้อง และถือว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา โจทก์เองขอสืบพยาน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ส่งต้นฉบับเอกสารแล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์และนัดฟังคำพิพากษาวันที่8 กรกฎาคม 2536 ต่อมา วันที่ 11 มิถุนายน 2536 จำเลยที่ 1ยื่นคำร้องว่าทนายจำเลยที่ 1 ได้ทำใบมอบฉันทะให้นายธัญลักษณ์นำคำร้องมาขอเลื่อนคดีแล้ว แต่ด้วยความเลินเล่อของนายธัญลักษณ์จึงไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาด้วยเมื่อเจ้าหน้าที่ศาลถามหาใบมอบฉันทะนายธัญลักษณ์รู้ตัวว่าไม่มีใบมอบฉันทะจึงได้ทำใบมอบฉันทะปลอมขึ้นจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนและให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณาแล้วไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 จึงขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้ ให้ยกคำร้องหลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1แพ้คดีแล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่27 กรกฎาคม 2536 อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณาเพราะทนายจำเลยที่ 1 ป่วย ส่วนเรื่องใบมอบฉันทะอ้างเหตุทำนองเดียวกับคำร้องลงวันที่ 11 มิถุนายน 2536 และอ้างด้วยว่าจำเลยที่ 1ต้องไปพบพนักงานอัยการ ทั้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ถูกต้องเพราะโจทก์รับโอนเช็คพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยคบคิดกันฉ้อฉลจำเลยที่ 1เห็นว่า จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งไต่สวนและเพิกถอนคำสั่งที่สั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณาโดยอ้างว่าได้ทำใบมอบฉันทะมอบให้นายธัญลักษณ์มาแล้ว แต่นายธัญลักษณ์ไม่ได้นำไปแสดงต่อศาลเพราะหลงลืม ทั้งได้คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นไว้ด้วย คำร้องของจำเลยที่ 1 จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว ศาลชั้นต้นจึงต้องทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 การที่นายธัญลักษณ์ไม่ได้นำใบมอบฉันทะมาแสดงต่อศาลก็ดี การที่นายธัญลักษณ์ปลอมใบมอบฉันทะก็ดีเป็นการกระทำของนายธัญลักษณ์ไม่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายขาดนัดมาศาลได้หรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ฎีกาจำเลยที่ 1ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2536แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี