คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4264/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า หลังจากศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ปรากฏว่านับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 13 ปี จำเลยมิได้ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมและทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมรวมทั้งดอกผลของทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์และทายาททั้งหมด โจทก์เคยบอกกล่าวให้จำเลยดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกของ ส. ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกตามคำขอท้ายฟ้องให้โจทก์ จำเลยให้การว่า ที่ดินและตึกแถวอันเป็นทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม โจทก์ จำเลย และทายาทของ ส. ทุกคนได้ประชุมตกลงทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2536 หลังทำสัญญาดังกล่าว โจทก์และทายาทคนอื่นไม่สนใจเข้าไปครอบครองดูแลทรัพย์มรดกในส่วนของตน จำเลยจึงเข้าครอบครองเพื่อตนเองต่อเนื่องตลอดมาถึงปัจจุบัน สิทธิในทรัพย์มรดกดังกล่าวจึงตกแก่จำเลยโดยสมบูรณ์ โจทก์เสียสิทธิในการรับทรัพย์มรดกทั้งหมดของ ส. โดยอายุความแล้ว แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ยังมิได้ดำเนินการจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้รับมรดก ถือว่าการจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1733 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งที่ดินมรดกโฉนดเลขที่ 3365, 3366, 3367, 3368 และ 3369 ตำบลปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมตึกแถว 5 คูหา บนที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ กับให้จำเลยชำระเงินกินเปล่า 7,410,760.18 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,700,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าตึก 995,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยชำระเงินค่าเช่าพื้นที่และบริการจอดรถ 621,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกโฉนดเลขที่ 1183, 3814 และ 7943 ตำบลถนนพญาไท (พญาไท) อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์เป็นเนื้อที่รวม 20.34 ตารางวา หรือร้อยละ 12.49 ของโฉนดแต่ละแปลง ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ และให้จำเลยชำระเงินค่าเช่า 1,764,850.16 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 1,031,250 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยแบ่งที่ดินมรดกโฉนดเลขที่ 39721, 39724, 39725 ตำบลดอกไม้ (บางแก้ว) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร แก่โจทก์ เป็นเนื้อที่รวม 101.93 ตารางวา หรือร้อยละ 2.08 ของที่ดินโฉนดแต่ละแปลง ถ้าแบ่งไม่ได้ให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยานต่อไป จึงให้งดสืบพยาน แล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่แล้วมีคำพิพากษาตามรูปคดีต่อไป คืนค่าขึ้นศาลในชั้นนี้ส่วนที่เกิน 200 บาท แก่โจทก์ไป ค่าฤชาธรรมเนียมนอกจากนี้ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ โจทก์ฟ้องว่า ภายหลังจากศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ปรากฏว่านับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 13 ปี จำเลยมิได้ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกตามพินัยกรรมและทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมรวมทั้งดอกผลของทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์และทายาททั้งหมด โจทก์เคยบอกกล่าวให้จำเลยดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอศาลพิพากษาให้จำเลยในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเสริม ดำเนินการแบ่งทรัพย์มรดกตามคำขอท้ายฟ้องให้โจทก์ จำเลยให้การว่า ที่ดินและตึกแถวอันเป็นทรัพย์มรดกตามพินัยกรรม โจทก์ จำเลย และทายาทของนายเสริมทุกคนได้ประชุมตกลงทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2536 หลังทำสัญญาดังกล่าว โจทก์และทายาทคนอื่นไม่สนใจเข้าไปครอบครองดูแลทรัพย์มรดกในส่วนของตน จำเลยจึงเข้าครอบครองเพื่อตนเอง ต่อเนื่องตลอดมาถึงปัจจุบัน สิทธิในทรัพย์มรดกดังกล่าวจึงตกแก่จำเลยโดยสมบูรณ์ โจทก์เสียสิทธิในทรัพย์มรดกทั้งหมดของนายเสริมโดยอายุความแล้ว แสดงว่าจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ยังมิได้ดำเนินการจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์และทายาทอื่นเป็นผู้รับมรดกตามที่ตกลงกัน ถือว่าการจัดการมรดกยังไม่สิ้นสุดลง สิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1733 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share