แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พยานโจทก์และโจทก์ร่วม 2 ปาก กับจำเลยที่ 1 มีความคุ้นเคยกันอย่างดี แม้มีเหตุอันควรเชื่อว่าพยานดังกล่าวย่อมต้องเบิกความในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่ก็มิได้หมายความว่าข้อเท็จจริงที่นำสืบมาจะไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากทางนำสืบมีความสมเหตุผลและสอดคล้องต้องกัน เมื่อไม่ปรากฏข้อพิรุธในคำเบิกความของพยานดังกล่าวเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ต้องนำสืบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่อ้างถึงที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าพยานเพื่อสนับสนุนข้ออ้าง หรือนำสืบพยานหลักฐานอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าว ลำพังคำเบิกความลอย ๆ ของจำเลยที่ 2 ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมได้
ในส่วนที่จำเลยที่ 2 นำสืบเอกสารคำให้การของพยาน แต่ข้อเท็จจริงในเอกสารคำให้การดังกล่าวจะเป็นจริงเพียงใด จำเลยที่ 2 ผู้อ้างอิงเอกสารชอบที่จะนำพยานซึ่งได้ให้การไว้มาเบิกความต่อศาล ทั้งนี้เพื่อให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ถามค้านข้อเท็จจริงที่ได้ให้การดังกล่าวมา เมื่อผู้ที่ให้การนั้นไม่มาเบิกความต่อศาล ข้อเท็จจริงตามเอกสารดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่อาจรับฟังได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4, 6, 8, 15, 27, 31, 70, 75, 76, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ให้หนังสือพจนานุกรมจำนวน 44 เล่ม ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายตกเป็นของผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางมยุรา ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31, 70 วรรคสอง ลงโทษจำคุก 5 เดือน และปรับ 100,000 บาท การดำเนินกระบวนพิจารณาของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในห้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 เดือน และปรับ 80,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ของกลางที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ให้ตกเป็นของโจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และให้จ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นในชั้นนี้ที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันรับฟังได้เป็นยุติว่า โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์งานสร้างสรรค์ประเภทงานวรรณกรรม คือ หนังสือพจนานุกรม “ไทย – สเวนสกะ” กับหนังสือพจนานุกรม “สเวนสกะ – ไทย” ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุดังฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่ 1 ได้ขณะกำลังเสนอขายหนังสือพจนานุกรมซึ่งเป็นงานอันละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วม พร้อมกับยึดหนังสือพจนานุกรม “สเวนสกะ – ไทย” จำนวน 26 เล่ม กับหนังสือพจนานุกรม “ไทย – สเวนสกะ” จำนวน 18 เล่ม อันเป็นงานที่ได้มีผู้ทำซ้ำดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวของโจทก์ร่วมรวม 44 เล่ม เป็นของกลาง เมื่อโจทก์และโจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ คดีในส่วนของจำเลยที่ 1 จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยเพียงอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ขาย เสนอขายหนังสือพจนานุกรมจำนวน 44 เล่ม ตามบัญชีของกลางคดีอาญาซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นงานซึ่งได้มีผู้ทำซ้ำ ดัดแปลงขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของโจทก์ร่วมหรือไม่ โจทก์และโจทก์ร่วมมีนายสองและนายวันชนะเป็นพยานต่างเบิกความทำนองเดียวกันว่า เดิมจำเลยที่ 2 มีพนักงานขายหนังสือในสถานที่เกิดเหตุโดยจำเลยที่ 2 อยู่ด้วยบางครั้ง ในภายหลังจำเลยที่ 2 นำหนังสือลักษณะเช่นเดียวกับหนังสือพจนานุกรมของกลางมาให้จำเลยที่ 1 ขาย ซึ่งทางนำสืบดังกล่าวสอดคล้องกับที่จำเลยที่ 1 เบิกความมาว่า เดิมจำเลยที่ 1 ขายอาหารในที่เกิดเหตุ ต่อมาจำเลยที่ 2 ติดต่อให้ขายหนังสือของกลาง ที่จำเลยที่ 2 นำสืบโต้แย้งว่า คำเบิกความของนายสองกับนายวันชนะไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากนายสองกับนายวันชนะมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 2 โดยบุคคลทั้งสองเคยนำหนังสืองานอันมีลิขสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 ไปพิมพ์โดยละเมิดลิขสิทธิ์ จำเลยที่ 2 แจ้งโรงพิมพ์ห้ามดำเนินการ บุคคลทั้งสองจึงถูกริบเงินมัดจำ ทั้งกล่าวอ้างว่านายสองกับนายวันชนะเบิกความในทางที่กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้านั้น แม้นายวันชนะเคยอยู่กินฉันท์สามีภริยากับจำเลยที่ 1 ประมาณ 20 ปี ปัจจุบันได้แยกทางกันแล้วแต่ยังไปมาหาสู่กัน ส่วนนายสองประกอบอาชีพขับรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่วินรถจักรยานยนต์ในสถานที่เกิดเหตุที่เดียวกับนายวันชนะ ทำให้พยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองปากกับจำเลยที่ 1 มีความคุ้นเคยกันอย่างดี กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าพยานดังกล่าวนี้ย่อมจะต้องเบิกความในทางที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 ก็ตาม แต่การที่พยานโจทก์และโจทก์ร่วมดังกล่าวมีความคุ้นเคยกับจำเลยที่ 1 ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อเท็จจริงที่นำสืบมาจะไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากทางนำสืบมีความสมเหตุผลและสอดคล้องต้องกัน อีกทั้งไม่ปรากฏข้อพิรุธในคำเบิกความ นอกจากนี้ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่านายสองกับนายวันชนะเบิกความปรักปรำว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าหรือไม่นั้น จำเลยที่ 2 อาจต้องนำสืบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่อ้างถึง หรือนำสืบพยานหลักฐานอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนข้ออ้างดังกล่าว ลำพังคำเบิกความลอย ๆ ของจำเลยที่ 2 ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะหักล้างพยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมได้ ข้อเท็จจริงที่โจทก์และโจทก์ร่วมนำสืบมาจึงน่าเชื่อถือ ดังนั้น ข้อเท็จจริงในเอกสารอันเป็นคำให้การของนางสาวมัทนาจะเป็นจริงเพียงใด จำเลยที่ 2 ผู้อ้างอิงเอกสารชอบที่จะนำผู้ที่ให้การดังกล่าวมาเบิกความต่อศาล ทั้งนี้เพื่อให้โอกาสคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้ถามค้านข้อเท็จจริงที่ได้ให้การดังกล่าวมา เมื่อนางสาวมัทนาไม่มาเบิกความต่อศาล ข้อเท็จจริงตามคำให้การดังกล่าวจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่อาจรับฟังได้ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขายหนังสือพจนานุกรมของกลางจริง เมื่อหนังสือพจนานุกรมของกลางเป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นจากการถ่ายสำเนาเอกสารและเข้าเล่มตัดขอบทำนองเดียวกับรายงานของนักศึกษา ลักษณะเช่นนี้สามารถผลิตขึ้นได้โดยง่ายในร้านรับถ่ายเอกสารและเข้าเล่มรายงานทั่วไป งานดังกล่าวไม่จำเป็นต้องจัดทำในโรงพิมพ์ การที่จำเลยที่ 2 เคยเขียนหนังสือมาก่อน จำเลยที่ 2 ย่อมมีความรู้ดีว่าการคัดลอกหนังสือผู้อื่นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรมหรือไม่ เมื่อดูจากลักษณะของหนังสือพจนานุกรมของกลางแล้ว เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 รู้ว่าหนังสือพจนานุกรมของกลางเป็นงานซึ่งทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่น ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน