แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สำเนาเอกสารเป็นภาพถ่ายติดมาท้ายฟ้อง ไม่ปรากฏว่าถ่ายจาก ต้นฉบับมีข้อความต่างกับต้นฉบับที่โจทก์อ้างมาจากจำเลย จำเลย ไม่รับรองสำเนาเอกสารท้ายฟ้อง จึงรับฟังสำเนาเอกสารท้ายฟ้องเป็นต้น ฉบับไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 110,072 บาท 50 สตางค์ กับดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำนวนเงินเป็น 40,907 บาท 50 สตางค์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ที่โจทก์เบิกความอ้างว่า โจทก์ได้ทำงานใช้หักหนี้ค่าวัสดุเหล็กให้แก่จำเลยในรายการที่ 6 ตามเอกสารหมาย จ.2 เป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท นั้น โจทก์คงมีแต่คำเบิกความของโจทก์ลอย ๆยันคำกับคำเบิกความของจำเลย ทั้งข้ออ้างเกี่ยวกับจำนวนเงินดังกล่าวก็ขัดกับจำนวนเงินตามที่แสดงไว้ในเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งมีจำนวนเงินระบุไว้เพียง 80,835 บาท ตรงตามข้อนำสืบของฝ่ายจำเลย โจทก์อ้างว่าเอกสารหมาย จ.2 ในรายการที่ 6 จำเลยได้ขีดฆ่าและแก้ไขจำนวนเงินขึ้นใหม่เอาเองโดยไม่ตรงกับความจริง จึงชอบจะถือตามรายการแสดงไว้ในภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้องโจทก์ว่าเป็นรายการที่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือรับสภาพหนี้หมาย จ.2 เป็นต้นฉบับเอกสารที่โจทก์เป็นฝ่ายขออ้างจากจำเลยมาประกอบการพิจารณา ตามคำเบิกความของโจทก์เองก็ว่าทำขึ้นเพียงฉบับเดียว ส่วนภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้องโจทก์จะได้ถ่ายมาจากต้นฉบับเอกสารที่แท้จริงหรือไม่ก็ไม่ปรากฏจากข้อนำสืบของโจทก์ ทั้งฝ่ายจำเลยยังได้ให้การต่อสู้เป็นประเด็นเกี่ยวกับจำนวนเงินในภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้องไว้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้รับรองว่าภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้นั้นถูกต้อง โจทก์จึงจะขอให้ศาลรับฟังภาพถ่ายหนังสือรับสภาพหนี้ท้ายคำฟ้องซึ่งเป็นสำเนาเอกสารแทนหนังสือรับสภาพหนี้หมาย จ.2 ซึ่งเป็นต้นฉบับหาได้ไม่ เพราะต้องห้ามตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ศาลฎีกาเชื่อว่า หลักฐานเกี่ยวกับจำนวนเงินตามที่แสดงไว้ในรายการที่ 6 ของเอกสารหมาย จ.2 นั้นถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง”
พิพากษายืน