คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ผู้ร้องขอให้ถอนการยึดนั้นยังคงเป็นของจำเลยอยู่โจทก์ผู้ชนะคดีย่อมนำยึดเพื่อเอาขายทอดตลาดได้เพียงแต่ผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงและบุริมสิทธิ์ไม่ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิที่จะร้องขอให้โจทก์ถอนการยึดได้ ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้หักใช้หนี้ตามบุริมสิทธิ์ของตน

ย่อยาว

กรณีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ชนะคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ซึ่งอ้างว่าเป็นของจำเลย ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องว่าทรัพย์ตามประกาศขายทอดตลาดของศาลจังหวัดเชียงใหม่อันดับ 1 ถึง 16 และ 20 ถึง 22 มิใช่ทรัพย์ของจำเลย แต่เป็นทรัพย์ที่จำเลยเอามาประกันรับเงินล่วงหน้าค่าขายไม้ซุงให้แก่ผู้ร้อง จำเลยรับเงินไปแล้วจำเลยส่งไม้สักให้ผู้ร้องไม่คุ้มจำนวนเงินที่จำเลยรับไปทรัพย์ดังกล่าวจำเลยได้มอบหมายให้ผู้ร้องครอบครองแล้ว ผู้ร้องมีสิทธิยึดหน่วงตามกฎหมายประกอบกับมูลหนี้รายนี้เกิดจากการซื้อขายไม้สัก ผู้ร้องจึงมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่จำเลยเอามามอบไว้เป็นประกัน ขอให้สั่งถอนการยึด

ศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานและสืบพยาน พิพากษาให้ยกคำร้องขัดทรัพย์

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องปรากฏชัดว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ผู้ร้องขอให้โจทก์ถอนการยึดนั้นยังเป็นของจำเลยอยู่โจทก์ผู้ชนะคดีย่อมนำยึดเพื่อเอาขายทอดตลาดได้ ข้อที่ผู้ร้องอ้างว่าทรัพย์จำเลยได้วางประกันการชำระหนี้เงินซึ่งจำเลยได้รับไปล่วงหน้าจากผู้ร้องและได้มอบให้ผู้ร้องครอบครองทรัพย์พิพาทผู้ร้องจึงมีสิทธิยึดหน่วงและบุริมสิทธินั้น เห็นว่า เพียงแต่ผู้ร้องมีสิทธิดังกล่าว ก็ไม่ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิที่จะร้องขอให้โจทก์ถอนการยึดได้ ผู้ร้องชอบที่จะร้องขอให้หักใช้หนี้ตามบุริมสิทธิของตน ถ้าหากผู้ร้องมีสิทธิดังที่ผู้ร้องอ้าง เพราะถ้าผู้ร้องมีสิทธิขอให้โจทก์ถอนการยึด โจทก์ก็ไม่มีโอกาสที่จะยึดทรัพย์ซึ่งเป็นของจำเลยเพื่อเอาขายทอดตลาดชำระหนี้ของโจทก์ได้เลยพิพากษายืน

Share