แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้น แต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยก็ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 60 แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,80 ประกอบด้วยมาตรา 72
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า แต่ผู้เสียหายไม่ตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๘๐
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๘๐ ให้จำคุก ๑๐ ปี ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ในคืนเกิดเหตุจำเลยถูกคนราว ๑๐ คนกลุ้มรุมชกต่อย จำเลยจึงชักปืนออกมา พวกที่กลุ้มรุมผละหนีไป จำเลยยิงปืนไป ๑ นัด กระสุนพลาดไปถูกนายตา และนายทองผู้เสียหาย จึงเห็นว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม และเป็นการยั่วให้จำเลยบันดาลโทสะ การกระทำของจำเลยจึงควรได้รับประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๒ พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๘๐ ประกอบด้วยมาตรา ๗๒ ให้จำคุก ๖ ปี ลดโทษให้ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยถูกคนข่มเหงแล้วจำเลยได้ยิงคนที่ข่มเหงในขณะนั้น แต่เนื่องจากคนที่ข่มเหงต่างวิ่งหนีไป กระสุนปืนจึงพลาดไปถูกผู้เสียหายเข้า จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๖๐ แต่การกระทำของจำเลยนั้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากจำเลยถูกข่มเหงโดยไม่เป็นธรรม และกระทำลงไปโดยบันดาลโทสะ ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยควรได้รับประโยชน์ตามกฎหมายมาตรานี้ จึงชอบแล้ว พิพากษายืน