แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่2เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเห็นจำเลยที่1กับพวกขับรถจักรยานยนต์วนเวียนไปมาและไปจอดรถที่ปากซอยที่เกิดเหตุมีพฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยจำเลยที่2จึงเข้าสอบถามและขอตรวจค้นแต่จำเลยที่1กับพวกติดเครื่องจะขับรถออกไปและใช้ปืนยิงมายังจำเลยที่2การที่จำเลยที่2ใช้ปืนยิงโต้ตอบถูกจำเลยที่1กับพวกได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นการป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่และได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว.
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรวมพิจารณาพิพากษากับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1013/2526 ของศาลชั้นต้น และให้เรียกนายธวัชชัย พิบูลย์ชัยมงคลจำเลยในคดีดังกล่าวว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยคดีนี้ว่าจำเลยที่ 3 โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายสรวง หรือสวง หมื่นหมาด หรือหมื่นหมวดและนายธวัชชัย พิบูลย์ชัยมงคล โดยมีเจตนาฆ่า จำเลยได้ลงมือกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล บุคคลทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,288 ให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8, 8 หรือ 72, 72 ทวิฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80 จำเลยที่ 1 อายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 จำคุกข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 6 เดือนฐานพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาต 4 เดือน ฐานพยายามฆ่า 5 ปี รวมจำคุกจำเลย 15 ปี 10เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 12 ปี ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และไม่ริบอาวุธปืนหมายเลขทะเบียน กท. 18001460 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายธวัชชัยได้ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยขณะที่จำเลยสอบถามและขอตรวจค้นนายธวัชชัยและนายสรวงจำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงนายธวัชชัยและนายสรวงได้รับบาดเจ็บด้วย คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่นายสรวงและนายธวัชชัยเบิกความว่าขณะที่นายสรวงและนายธวัชชัยจอดรถจักรยานยนต์เพื่อรอนายยงยุทธอยู่ที่ปากซอยเกิดเหตุจำเลยขับรถจักรยานยนต์มาจอดห่างประมาณ 2 เมตร ถามว่ามารอใครและขอตรวจค้น นายสรวงและนายธวัชชัยไม่ยอมให้ตรวจค้น และติดเครื่องรถจักรยานยนต์จะขับออกไป จำเลยใช้มือซ้ายตบมือนายสรวงจนเครื่องรถดับ เอามือขวาล้วงไปที่เอวเข้าใจว่าล้วงอาวุธปืน นายธวัชชัยกระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนยิงจำเลยห้าหกนัด ตามคำเบิกความของพยานทั้งสองแสดงว่า จำเลยถูกยิงก่อนขณะที่สอบถามและขอตรวจค้นคนทั้งสอง จำเลยเป็นตำรวจมีหน้าที่ตรวจตราจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย เมื่อเห็นนายธวัชชัยและนายสรวงขับรถจักรยานยนต์มาจอดในลักษณะที่ผิดปกติ ทั้งก่อนหน้าขับรถมาจอดก็เห็นคนทั้งสองขับรถวนเวียนอยู่แถวนั้นหลายครั้ง พฤติการณ์ของคนทั้งสองเป็นที่น่าสงสัย การที่จำเลยสอบถามและขอตรวจค้น ย่อมเป็นวิสัยของตำรวจผู้มีหน้าที่รักษาความสงบและป้องกันเหตุร้าย การที่นายธวัชชัย และนายสรวงขับรถจักรยานยนต์วนเวียนอยู่แถวนั้น และไปจอดรถที่ปากซอยเกิดเหตุก็ได้ความจากคำเบิกความของนายธวัชชัยว่าเพื่อจะดักยิงนายต้น ซึ่งเคยทำร้ายนายธวัชชัยมาก่อนแสดงว่านายธวัชชัยและนายสรวงขับรถจักรยานยนต์ไปจอดรอเพื่อก่อเหตุร้ายอันผิดต่อกฎหมายแต่จำเลยได้ไปพบเห็นเสียก่อน เมื่อสอบถามและขอตรวจค้นคนทั้งสองไม่ยอมกลับใช้อาวุธปืนยิงจำเลย จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ถูกนายธวัชชัยและนายสรวงได้รับบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่ และได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องสำหรับจำเลยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.”