แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บริษัท ส. จำกัด ส่งสัตว์น้ำแช่แข็งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศในนามโจทก์ แต่ตามใบกำกับสินค้ามีชื่อโจทก์เป็นผู้ส่งออก ส่วนค่าอากรขาออกและค่าระวาง บริษัท ส. จำกัด เป็นผู้ชำระทั้งหมด การรับชำระค่าสินค้าที่ส่งออกมีการนำเข้าบัญชีของบริษัท ส. จำกัด จำนวน 15,326,349.84 บาท จำนวนเงินที่ระบุในบัญชีตรงกับใบกำกับสินค้า แม้หลักฐานการส่งออกจะระบุชื่อโจทก์แต่บริษัท ส. จำกัด เป็นผู้รับเงินค่าสินค้า เงินจำนวนดังกล่าวจึงมิใช่เงินได้ของโจทก์อันจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจำเลยอ้างว่าโจทก์มีเงินได้ 15,531,440.86 บาท มียอดสูงกว่าที่โจทก์พิสูจน์ได้ว่าเป็นของบริษัท ส. จำกัด จำนวน 205,091.02บาท ซึ่งจำนวนนี้โจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามิใช่เป็นเงินได้ของโจทก์ จึงต้องถือเป็นเงินได้ของโจทก์ ส่วนเงินได้จากค่าน้ำแข็งจำนวน 649,362 บาท โจทก์ได้สำแดงเป็นรายได้ของโจทก์ไว้เอง ดังนี้ จำเลยนำเงินได้ของโจทก์ทั้งสองจำนวนมาคำนวณภาษีจึงชอบแล้ว การที่โจทก์ลงบัญชีเงินได้ขาดไป อันเป็นการเลี่ยงภาษีอากรบางส่วน จึงไม่มีเหตุที่จะลดหรืองดเงินเพิ่มให้โจทก์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์และการประเมินของจำเลย หรือให้งดหรือลดเงินเพิ่ม
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินภาษีและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยถูกต้องและไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะงดหรือลดเงินเพิ่มให้แก่โจทก์แต่อย่างใด
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า โจทก์ได้รับแจ้งการประเมินจากเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2523 กับเงินเพิ่มรวม 488,179 บาท โจทก์อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ประกอบด้วยจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์
ข้อต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบหรือไม่ เห็นว่าก่อนที่จะมีการประเมินเรียกเก็บภาษีรายนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 มีเหตุสงสัยว่าโจทก์เสียภาษีไม่ถูกต้อง จึงได้ออกหมายเรียกทำการไต่สวน ปรากฏว่ามีเงินได้จำนวน 15,531,440.86 บาท โจทก์มิได้นำมาลงบัญชีเพื่อเสียภาษีจริงโดยโจทก์อ้างว่าเงินจำนวนนี้เป็นเงินได้จากการส่งสัตว์น้ำแช่แข็งออกไปให้ลูกค้าต่างประเทศของบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัด โดยอาศัยชื่อโจทก์เป็นผู้ส่งออก เนื่องจากบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัดเป็นสมาชิกชมรมสายเดินเรือยุโรป สมาชิกต้องใช้บริการเฉพาะเรือที่อยู่ในสังกัดของชมรมเท่านั้น หากฝ่าฝืนต้องถูกปรับ และขณะนั้นมีลูกค้าต่างประเทศสั่งสัตว์น้ำแช่แข็งมายังบริษัทไทยเสรีห้องเย็นจำกัด เป็นจำนวนมาก ชมรมไม่สามารถจัดเรือได้ทันตามกำหนด จึงต้องส่งสินค้าไปในนามของโจทก์ เพราะโจทก์กับบริษัทไทยเสรีห้องเย็นจำกัด เป็นบริษัทในเครือเดียวกันและมีกรรมการชุดเดียวกัน เงินได้จำนวนดังกล่าวจึงมิใช่ของโจทก์ ข้อโต้แย้งของโจทก์ที่ว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ไม่ชอบ จึงอยู่ที่ว่าเงินได้จากการส่งสัตว์น้ำแช่แข็งออกไปต่างประเทศจำนวน 15,531,440.86 บาท เป็นเงินได้ของโจทก์หรือไม่… ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การส่งสัตว์น้ำแช่แข็งไปต่างประเทศ 4 ครั้ง คิดเป็นเงินไทยจำนวน 15,326,349.84 บาทบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัด เป็นผู้ส่งในนามโจทก์ และบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัด เป็นผู้รับเงินค่าสินค้า เงินจำนวนดังกล่าวจึงมิใช่เงินของโจทก์อันจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่เงินได้ที่โจทก์พิสูจน์ได้ว่าเป็นของบริษัทไทยเสรีห้องเย็น จำกัด มีเพียง15,326,349.84 บาท ยอดเงินที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อ้างว่าเป็นของโจทก์ 15,531,440.86 บาท มียอดสูงกว่าที่โจทก์พิสูจน์ได้อยู่ 205,091.02 บาท ในยอดนี้โจทก์ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามิใช่เป็นเงินได้ของโจทก์ ฉะนั้นยอดเงินที่เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์อ้างว่าโจทก์มิได้ลงบัญชีจำนวน 205,091.02 บาท เจ้าพนักงานประเมินย่อมจะเอาไปคำนวณภาษีโดยถือเป็นเงินได้ของโจทก์ได้ แต่มิใช่คำนวณจากเงินได้จำนวน 15,531,440.86 บาท…
ส่วนเงินได้ค่าน้ำแข็งจำนวน 649,362 บาทนั้น เป็นเงินได้ที่โจทก์สำแดงเป็นรายได้ของโจทก์ไว้เอง โจทก์กลับโต้เถียงและมีพยานบุคคลมาสืบลอย ๆ เพียงว่ามิใช่เป็นเงินได้ของโจทก์จึงไม่พอรับฟังว่ามิใช่เงินได้ของโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นำเงินได้ดังกล่าวมาคำนวณภาษีชอบแล้ว…
อุทธรณ์โจทก์ประการสุดท้าย ที่ขอลดหรืองดเงินเพิ่มนั้นเห็นว่าแม้เจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์นำเงินได้ที่มิได้ลงบัญชีจำนวน 15,531,440.86 บาท ไปคำนวณภาษีเงินได้โจทก์โดยไม่ชอบก็ตาม แต่ก็ยังมีเงินได้ที่โจทก์มิได้ลงบัญชีจำนวน 205,091.02 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ มีอำนาจที่จะเอาไปคำนวณภาษีได้ เมื่อนำไปคำนวณตามวิธีการที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว หากว่าในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2523 โจทก์ต้องเสียภาษีจากการคำนวณของเจ้าพนักงานประเมินและคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามเงินได้ที่แท้จริงของโจทก์ เพราะโจทก์ลงบัญชีเงินได้ขาดไป อันเป็นการเลี่ยงภาษีบางส่วน จึงไม่มีเหตุที่จะลดหรืองดเงินเพิ่มให้โจทก์…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้แก้ไขการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับเงินได้ที่มิได้ลงบัญชีจำนวน 15,531,440.86 บาท โดยให้คำนวณภาษีใหม่ ให้ถือเงินได้ที่มิได้นำลงบัญชีเพียง205,091.02 บาท ถ้าหากมีจำนวนภาษีที่โจทก์จะต้องเสียให้คิดเงินเพิ่มด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง.