คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหาย นั้นไม่จำต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ถูกทำให้เสียหาย บุคคลที่เป็นผู้ครอบครองทรัพย์ ก็เป็นผู้เสียหายได้ หากได้รับการเสียหายเกี่ยวกับสิทธิครอบครอง
บรรยายฟ้องว่า ทรัพย์เป็นของผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของบุคคลอื่น ผู้เสียหายครอบครองอยู่ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันตัดฟันต้นหมากของนายบุญเหลือผู้เป็นกสิกรที่ปลูกอยู่ในสวนเสียหาย ขอให้ลงโทษ
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบนายบุญเหลือได้ ๑ ปาก แล้วพิพากษาว่า พ่อตาแม่นายนายบุญเหลือยกสวนพิพาทให้นายบุญเหลือเมื่อ ๓ – ๔ ปีก่อนเกิดเหตุแต่ยังไม่ได้โอนโฉนดกัน ฉะนั้นต้นหมากซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินที่ยังไม่ได้โอน จึงยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของนายบุญเหลือ ทางพิจารณาไม่ได้ความตามฟ้องให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า นายบุญเหลือมีสิทธิครอบครองที่ดินและต้นหมากถือได้ว่าเป็นผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง จึงยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินการพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ที่จะเป็นผู้เสียหายไม่จำต้องเป็นบุคคลผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ถูกทำให้เสียหายนั้น นายบุญเหลือเป็นผู้ครอบครองที่ดินและต้นหมากขณะเกิดเหตุ จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย เพราะการกระทำของจำเลยเป็นการเสียหากแก่สิทธิครอบครองของนายบุญเหลือ และไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง เพราะที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าต้นหมากของนายบุญเหลือ ย่อมกิน่ความถึงต้นหมากซึ่งนายบุญเหลือครอบครองนั้นได้
พิพากษายืน

Share