แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งกับจำเลยตกลงเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทร่วมกันใครตายก่อนให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่งนั้นเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนฉะนั้น เมื่อผู้มีชื่อตาย ทรัพย์พิพาทย่อมตกเป็นของจำเลย ผู้มีชื่อที่ตายจะไปทำพินัยกรรมยกทรัพย์นั้นให้คนอื่นอีกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2504)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางหนู รัญธิสาร กับจำเลยเคยพิพาทกันและได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ต่อมาจำเลยไม่ยอมเลี้ยงดู นางหนูจึงฟ้องจำเลย ระหว่างคดี นางหนูทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์หลังจากนั้นนางหนูตาย โจทก์ขอรับมรดกความ ศาลพิพากษาให้นางหนูมีสิทธิในทรัพย์คนละครึ่งกับจำเลย แต่จำเลยไม่ยอมแบ่ง จึงขอให้บังคับ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญาประนีประนอมและคำพิพากษาตามยอมเป็นการก่อให้เกิดสิทธิแก่จำเลย พินัยกรรมที่นางหนูทำยกทรัพย์ของคนอื่นให้โจทก์เป็นโมฆะ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยแบ่งทรัพย์บางรายการให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า สัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งนางหนูได้ทำกับจำเลยนี้ไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายและความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนแต่อย่างใด ทั้งนี้เพราะในขณะที่ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันนั้น ทรัพย์นั้นยังพิพาทกันอยู่ ยังไม่แน่นอนว่าเป็นกรรมสิทธิ์โดยเด็ดขาดของฝ่ายใดคู่ความจึงได้ตกลงยอมความกันว่า ให้เป็นของนางหนูกับจำเลยร่วมกัน เมื่อใครตายก่อนก็ให้ตกเป็นของอีกคนหนึ่ง จึงเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนกันเพื่อเป็นการระงับข้อพิพาท มิใช่เรื่องพินัยกรรม ทั้งศาลก็ได้มีคำพิพากษาตามสัญญายอมนั้น ซึ่งถึงที่สุดไปแล้ว ฉะนั้น ขณะเมื่อนางหนูตาย นางหนูจึงไม่มีทรัพย์ดังกล่าวที่จะให้เป็นไปตามพินัยกรรมเพราะทรัพย์เหล่านั้นตกเป็นของนายวาศจำเลยไปตามสัญญายอมเสียแล้วพินัยกรรมของนางหนูจึงไม่มีผลเกี่ยวกับทรัพย์ตามสัญญาประนีประนอมนั้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์