คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418-419/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ขับรถที่มีความสูงกว่าปกติออกจากปั๊มน้ำมันลอดสายเคเบิลโทรศัพท์ที่ขึงพาดอยู่บนเสาโทรเลขตามแนวถนนหน้าปั๊มน้ำมันด้วยการเร่งเครื่องยนต์ทำให้รถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วล้อรถปีนขึ้นบนคานคอนกรีตหน้าปั๊มน้ำมันอันทำกันไว้มิให้เป็นทางรถเข้าออก ท้ายรถซึ่งสูงกว่าปกติจึงกระดอนสูงจนเหล็กประกับรูปตัวยู (U) ที่ติดอยู่บนโครงไม้ท้ายรถอันเป็นส่วนที่สูงที่สุดของรถเกี่ยวเอาสายเคเบิลโทรศัพท์ของโจทก์ที่ 2 ดึงลากไป เป็นเหตุให้เสาโทรเลขของโจทก์ที่ 1 ที่พาดอยู่หักและล้ม ดังนี้ถือว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ขับรถที่ต่อโครงไม้สูงขึ้นไปมากกว่าปกติลอดผ่านสายเคเบิลโทรศัพท์โดยประมาทไม่ดูแลเสียก่อนการที่โจทก์นำสืบถึงความประมาทเพราะจำเลยที่ 1 ขับรถปีนคานคอนกรีตด้วย เป็นการนำสืบในประเด็นเรื่องความประมาทเลินเล่อในการขับรถของจำเลยที่ 1 หาเป็นการสืบนอกฟ้องไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องเป็นใจความว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ลูกจ้างในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 ที่ต่อขยายช่วงความยาวออกและต่อโครงไม้ท้ายรถสำหรับติดแขวนลูกรอกไว้สูงจากพื้นดิน 3.85 เมตร กับติดเหล็กประกับรูปตัวยู (U) บนโครงไม้ท้ายรถขึ้นไปอีก 5 เซนติเมตร รวมสูงถึง 3.90 เมตร ซึ่งยังมิได้ผ่านการตรวจสภาพและมิได้รับอนุญาตให้นำออกใช้เป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก และด้วยความประมาท ขับลอดผ่านใต้สายเคเบิลโทรศัพท์ซึ่งขึงอยู่ปกติตามแนวถนน ตรงหน้าปั๊มน้ำมัน โดยไม่ดูว่าจะผ่านลอดไปได้หรือไม่ เป็นเหตุให้ท้ายรถเกี่ยวเอาสายเคเบิลพร้อมด้วยสายสะพานขององค์การโทรศัพท์ฯ โจทก์ที่ 2 พาดึงไปจนขาดชำรุดเสียหายเป็นเงิน 10,061.20 บาท และพาเอาเสาโทรเลขของกรมไปรษณีย์โทรเลขโจทก์ที่ 1 ซึ่งโจทก์ที่ 2 ขออาศัยพาดขึงสายเคเบิลอยู่ล้มหักเสียหายเป็นเงิน 5,520 บาท ขอให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่าเหตุที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของพนักงานของโจทก์ที่ 2 ซึ่งทำการซ่อมสายเคเบิลเป็นเหตุให้สายหย่อนกว่าระดับปกติ โดยมิได้ทำเครื่องหมายหรือสัญญาณอันตรายไว้

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เหตุเกิดขึ้นหาใช่ความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 ไม่ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 พิพากษากลับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา

ในปัญหาที่ว่าเหตุเกิดขึ้นเพราะความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 หรือไม่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่ารถคันเกิดเหตุต่อช่วงความยาวออก ต่อโครงไม้ท้ายรถสำหรับติดแขวนลูกรอก กับติดเหล็กประกับรูปตัวยู (U) บนโครงไม้ รวมความสูง 3.90 เมตร วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 11.00 น. จำเลยที่ 1 ขับรถมาแวะเติมน้ำมัน และขับออกถนนเพื่อไปรับจ้างด้วยการเร่งเครื่องยนต์ เป็นเหตุให้รถพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็ว ล้อรถปีนขึ้นบนคานคอนกรีตหน้าปั๊มน้ำมันอันทำกันไว้มิให้เป็นทางรถเข้าออก ท้ายรถซึ่งสูงกว่าปกติจึงกระดอนสูงจนเหล็กประกับเกี่ยวสายเคเบิลโทรศัพท์ดึงลากไป เป็นเหตุให้เสาโทรเลขที่สายพาดอยู่หักและล้ม อันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย ส่วนที่จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า ฟ้องของโจทก์บรรยายอ้างเหตุอื่นเป็นมูลฟ้องละเมิด ไม่มีข้อความว่าเพราะขับผ่านคานคอนกรีต เป็นการสืบนอกฟ้องนั้น เห็นว่าฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 1 ขับรถที่ต่อโครงไม้สูงขึ้นไปมากกว่าปกติ ลอดผ่านสายเคเบิลโทรศัพท์โดยประมาทไม่ดูแลเสียก่อน การที่โจทก์นำสืบถึงความประมาทเพราะขับรถปีนคานคอนกรีตด้วยดังกล่าว จึงเป็นการนำสืบในประเด็นเรื่องประมาทเลินเล่อในการขับรถของจำเลย หาเป็นการนอกฟ้องไม่

พิพากษายืน

Share