คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 233/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขาดนัดพิจารณาและศาลพิพากษาให้แพ้คดีแล้ว ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างเหตุว่ามิได้จงใจขาดนัดและได้อ้างเหตุแห่งการยื่นคำร้องล่าช้ามาด้วยศาลชั้น ต้นเห็นว่าคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างเหตุนอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ที่ทำให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดี ใหม่ล่าช้าสั่งยกคำร้องโดยไม่ทำการไต่สวนจำเลยอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าการส่งคำบังคับตามคำพิพากษาเป็นไปโดยไม่ชอบจึงถือเสมือนยังไม่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้ พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งต่อไปดังนี้แม้จำเลยมิได้ยกปัญหาว่าการส่งคำบังคับ เป็นไปโดยชอบหรือไม่ มาแต่ศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมเมื่อศาลอุทธรณ์
เห็นสมควรย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เองโดยคู่ความมิต้องยกขึ้นมาว่ากล่าวไว้เลยและคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียวการที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนจึงมีคำสั่งใหม่ย่อมเป็นการชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องเพราะยื่นเมื่อพ้นกำหนดจำเลยได้ยื่นคำร้องอีกฉบับ หนึ่งขอให้พิจารณาคดีใหม่อ้างเหตุเช่นเดียวกับคำร้องฉบับแรกและอ้างเหตุแห่งการยื่นคำร้องล่าช้ามาด้วยศาลชั้นต้นสั่งว่าคำร้องของจำเลยมิได้กล่าวอ้างเหตุนอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ที่ทำให้จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ล่าช้า เหตุที่จำเลยอ้างก็ไม่ใช่พฤติการณ์นอกเหนืออันไม่อาจบังคับได้จึงให้ยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้แก่จำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบจึงถือเสมือนยังไม่ได้ส่งคำบังคับให้จำเลย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาว่าการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยเป็นไปโดยไม่ชอบต้องถือว่ายังมิได้ส่งคำ บังคับให้แก่จำเลย คำร้องของจำเลยที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่จึงเป็นคำร้องที่อยู่ในระยะเวลาที่อาจยื่นได้ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวน คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็นเช่นนี้ที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งว่าจำเลยมิได้ยกปัญหาข้อนี้มาตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์จะยกขึ้นวินิจฉัยไม่ได้จึงฟังไม่ขึ้น เพราะกรณีนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่ง หมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม ฉะนั้นเมื่อศาลอุทธรณ์เห็นสมควร ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งให้แก้ไขอย่างใดอย่างหนึ่งได้เอง โดยคู่ความมิต้องยกขึ้นว่ากล่าวไว้เลยก็ได้และคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่นี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บัญญัติไว้ว่าอาจทำได้แต่ฝ่ายเดียวและศาลจะต้องออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอนั้น ฉะนั้นการที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องของจำเลยเสียก่อนแล้วจึงมีคำสั่งต่อไปนั้นย่อมเป็นการ ชอบด้วยเหตุผลแล้ว
พิพากษายืน

Share