คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4171/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ได้บรรยายฟ้องการกระทำของจำเลยที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว ส่วนสำเนาผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น แม้ชื่อผู้บาดเจ็บจะไม่ตรงกับชื่อผู้เสียหายตามฟ้อง ก็เพียงแต่แสดงว่าไม่ใช่ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เข้าใจว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำร้ายร่างกายนางอำนวย ศรีลา ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้ขวดเบียร์ตีบริเวณใบหน้าผู้เสียหาย จำนวน 1 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำคุก 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2548 เวลากลางวัน จำเลยให้กำลังประทุษร้ายทำร้ายร่างกายนางอำนวย ศรีลา ผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้ขวดเบียร์ตีบริเวณใบหน้าผู้เสียหาย จำนวน 1 ครั้ง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ รายละเอียดบาดแผลปรากฏตามสำเนาผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลสงเปือย อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 แต่สำเนาผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องระบุชื่อผู้บาดเจ็บว่า นายมนตรี สิทธิชัย มิใช่ผู้เสียหายตามฟ้องนั้น ถือว่าโจทก์ไม่บรรยายข้อเท็จจริงและรายละเอียดพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องการกระทำของจำเลยที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริง และรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ส่วนสำเนาผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้องซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องนั้น แม้ชื่อผู้บาดเจ็บจะไม่ตรงกับชื่อผู้เสียหายตามฟ้อง ก็เพียงแต่แสดงว่าไม่ใช่ผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เข้าใจว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิดตามข้อเท็จจริงที่โจทก์บรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงชอบแล้วที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาอุทธรณ์จำเลยและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share