คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4170/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาซื้อขายเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซิน ข้อ 8 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้และวรรคสองระบุว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันแล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร ส่วนสัญญาข้อ 9 กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนกว่าผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนครบถ้วน เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินทั้งหมดไม่ถูกต้องตามสัญญาซื้อขาย จึงเป็นเรื่องโจทก์ไม่ได้รับเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่ไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญาและโจทก์ได้ยอมรับไว้โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 แต่อย่างใด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญา ข้อ 8 วรรคสอง เท่านั้น หามีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ 9 ไม่
แม้สัญญาซื้อขายจะได้กำหนดค่าเสียหายที่จำเลยต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ไว้ก็ตาม แต่การที่โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากจำเลยผิดสัญญา โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง
โจทก์แจ้งความซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินเพื่อใช้ในราชการในการจัดซื้อจะต้องตั้งงบประมาณและต้องได้รับอนุมัติจำนวนเงินที่จะจัดซื้อจากรัฐบาล ซึ่งพ่อค้าเช่นจำเลยย่อมจะต้องทราบ เมื่อจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยได้ 10 เครื่องตามความต้องการของโจทก์ จำเลยย่อมคาดเห็นล่วงหน้าแล้วว่าถ้าจำเลยผิดสัญญาไม่อาจส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินให้แก่โจทก์ได้โจทก์จะต้องได้รับความเสียหาย เมื่อโจทก์ไม่สามารถจะซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่จะใช้ทำงานได้ตามความต้องการของโจทก์จำเลยก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการ ได้ทำสัญญาซื้อขายเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จำนวน ๑๐ เครื่อง ในราคา ๔๘๐,๐๐๐ บาท โดยมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกันในวงเงินไม่เกิน ๒๔,๐๐๐ บาท ต่อมาจำเลยที่ ๑ ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันให้โจทก์ตรวจสอบ โจทก์ตรวจสอบแล้วพบว่าเครื่องกลั่นน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะไม่ตรงตามแบบที่ระบุไว้ในสัญญา จึงแจ้งให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ แก้ไขแต่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา โจทก์จำเป็นต้องใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจึงซื้อจากผู้อื่นได้เพียง ๗ เครื่อง ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเบี้ยปรับเป็นรายวันและค่าเสียหายเป็นเงิน ๒๘๓,๖๘๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดจำนวน ๒๔,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ ๑ ได้มอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ตามรูปแบบและรายการที่จำเลยที่ ๑ เสนอต่อโจทก์ถูกต้องครบถ้วน โจทก์ไม่ยอมรับและบอกเลิกสัญญา จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน ๑๗๐,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้โดยให้จำเลยที่ ๓ ร่วมรับผิดในจำนวนเงินไม่เกิน ๒๔,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์แจ้งความประกวดราคาซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จำนวน ๑๐ เครื่อง ใช้ทดสอบตามวิธีของ เอ เอส ที เอ็ม ดี ๘๖ ตามแบบเครื่องมือของ เอ เอส ที เอ็ม อี ๑๓๓ จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นซองเสนอราคาโจทก์พิจารณาแล้วตกลงซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์จากจำเลยที่ ๑ จำนวน ๑๐ เครื่อง เป็นเงิน ๔๘๐,๐๐๐ บาทได้ทำสัญญาซื้อขายกันและกำหนดส่งมอบเครื่องดังกล่าวภายในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๒๕ โดยมีจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ ๑ในวงเงินไม่เกิน ๒๔,๐๐๐ บาท ปรากฏตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๖ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ยี่ห้อเฮอซอกจำนวน ๑๐ เครื่องแก่โจทก์ คณะกรรมกาตรวจรับของโจทก์ได้พิจารณาแล้วอ้างว่าเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินพร้อมอุปกรณ์ดังกล่าวมีลักษณะไม่ตรงตามแบบเครื่องมือของ เอ เอสที เอ็ม อี ๑๓๓ ที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขาย ไม่ยอมรับและได้แจ้งให้จำเลยที่ ๑ จัดการแก้ไข ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแก่จำเลยที่ ๑ และได้แจ้งให้จำเลยที่ ๓ ทราบ แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับจำเลยที่ ๑ ได้
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากจำเลยทั้งสามเป็นรายวันหรือไม่ ข้อสัญญาที่เกี่ยวกับการเรียกร้องเบี้ยปรับระบุไว้ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๖ ข้อ ๘ ว่า เมื่อครบกำหนดส่งมอบสิ่งของตามสัญญานี้แล้วถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องหรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันหรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกันตามสัญญาเป็นจำนวนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้แล้วแต่ผู้ซื้อจะเห็นสมควร และถ้าผู้ซื้อจัดซื้อสิ่งของจากบุคคลอื่นเต็มจำนวนหรือเฉพาะจำนวนที่ขาดส่งแล้วแต่กรณีภายในกำหนด ๒ เดือน นับแต่วันที่บอกเลิกสัญญา ผู้ขายต้องยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ด้วย
ข้อ ๙ ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ ๘ ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละศูนย์จุดสอง (๐.๒) ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนถึงวันที่ผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนถูกต้องครบถ้วน ฯลฯ
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาข้อ ๘ กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ขายผิดสัญญาโดยไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายให้แก่ผู้ซื้อ หรือส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวน และผู้ซื้อได้บอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ส่วนสัญญาข้อ ๙ กำหนดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อผู้ขาย ยังคงยอมให้ผู้ขายนำสิ่งของที่ซื้อขายตามสัญญาส่งให้แก่ผู้ซื้อต่อไป ผู้ซื้อจึงจะมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับจากผู้ขายเป็นรายวันได้ นับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาจนกว่าผู้ขายได้นำสิ่งของมาส่งให้แก่ผู้ซื้อจนครบถ้วน กรณีที่จำเลยที่ ๑ ส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมัเบนซินไม่ถูกต้องตามสัญญาซื้อขาย โจทก์ได้ให้จำเลยที่ ๑ แก้ไขจำเลยที่ ๑ ไม่จัดการแก้ไขให้ถูกต้อง โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา กรณีจึงเป็นเรื่องโจทก์ไม่ได้รับเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่ไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนดไว้ ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้ส่งมอบสิ่งของตามสัญญาไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยส่งมอบสิ่งของให้โจทก์ไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้องตามสัญญา และโจทก์ได้ยอมรับไว้โดยจะใช้สิทธิปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ ๙ แต่อย่างใด เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาเนื่องจากจำเลยส่งมอบสิ่งของทั้งหมดไม่ถูกต้องตามที่สัญญากำหนด โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับตามสัญญาข้อ ๘ วรรคสอง เท่านั้น หามีสิทธิเรียกร้องเอาเบี้ยปรับเป็นรายวันตามสัญญาข้อ ๙ ไม่ ฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อนี้ฟังขึ้น
ในปัญหาที่ว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามชำระราคาเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นจำนวน ๗ เครื่อง ตามสัญญาข้อ ๘ วรรคสอง แต่ฟ้องเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชำระราคาเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจำนวน ๓ เครื่อง ที่โจทก์ไม่อาจซื้อได้ครบตามที่ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ ๑ โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้หรือไม่เพียงใด และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระค่าเสียหายดังกล่าวให้โจทก์ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นหรือไม่ตามสัญญาซื้อขายเอกสารหมาย จ.๖ โจทก์ตกลงซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ ๑จำนวน ๑๐ เครื่อง ราคา ๔๘๐,๐๐๐ บาท เมื่อจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ตามสัญญาข้อ ๘ วรรคสอง โจทก์มีสิทธิซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากผู้อื่นใด และจำเลยที่ ๑ ต้องยอมรับผิดชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ เห็นว่าข้อสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดค่าเสียหายที่จำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชดใช้ให้แก่โจทก์ โจทก์จะเรียกร้องเอาตามข้อสัญญาดังกล่าวก็ได้แต่การที่โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ได้รับอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๒๒๒ วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าเสียหายหาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่ จึงมีปัญหาว่าโจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ เพียงใด คดีนี้โจทก์แจ้งความซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินเพื่อไปใช้ในราชการและในการจัดซื้อจะต้องตั้งงบประมาณและต้องได้รับอนุมัติจำนวนเงินที่จะจัดซื้อจากรัฐบาลซึ่งพ่อค้าเช่นจำเลยที่ ๑ ย่อมจะต้องทราบเมื่อจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ ๑ ได้ ๑๐ เครื่องตามความต้องการของโจทก์ จำเลยที่ ๑ ย่อมคาดเห็นล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าจำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาไม่อาจส่งมอบเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินให้แก่โจทก์ได้ โจทก์จะต้องได้รับความเสียหายจากการไม่ได้ใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซิน และโจทก์จะต้องใช้เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจำนวน ๑๐ เครื่อง เพื่อประโยชน์แก่ราชการและประชาชนนอกจากนี้จำเลยที่ ๑ ก็น่าจะทราบอีกว่าโจทก์ไม่สามารถซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินได้ครบ ๑๐ เครื่อง จากบุคคลอื่นเว้นแต่จะซื้อจากจำเลยที่ ๑ เมื่อคดีนี้ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ใช้เงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามที่ตกลงทำสัญญาซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากจำเลยที่ ๑ ซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินจากผู้อื่นได้เพียง ๗ เครื่อง ถึงแม้จะไม่ใช่เครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินชนิดและยี่ห้อเดียวกับที่จำเลยที่ ๑ ตกลงขายให้โจทก์ จำเลยที่ ๑ ก็ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ เพราะโจทก์ไม่สามารถจะซื้อเครื่องกลั่นน้ำมันเบนซินชนิดและยี่ห้อดังกล่าวได้เนื่องจากไม่มีประสิทธิภาพที่จะใช้ทำงานได้ตามความต้องการของโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดค่าเสียหายในส่วนนี้มาเป็นเงิน ๑๔๐,๐๐๐ บาท โดยคิดราคาที่โจทก์ซื้อสูงไปจากราคาที่จำเลยที่ ๑ ตกลงขายแก่โจทก์ จึงเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ฎีกาข้อนี้ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน ๑๔๐,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share