คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) เพียงแต่กำหนดประเภทชนิด และขนาดของอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้เท่านั้น หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดอาญาไม่ การที่โจทก์ไม่ได้ระบุกฎกระทรวงมาในคำขอท้ายฟ้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6).(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 78 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย แต่ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยข้อ 3 โดยเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ฟ้องโจทก์ที่มิได้กล่าวอ้างกฎกระทรวงฯ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาในคำขอท้ายฟ้อง จะเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หรือไม่ พิเคราะห์แล้วประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (6) บัญญัติไว้เพียงว่าคำฟ้องจะต้องอ้างมาตราในกฎหมายซึ่งบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีลูกระเบิดมือแบบเอ็ม 46 ซึ่งเป็นลูกระเบิดขว้างชนิดสังหาร ในสภาพใช้การได้ไว้ในครอบครอง โดยโจทก์ได้บรรยายฟ้องมาชัดแจ้งว่าลูกระเบิดมือดังกล่าวเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนจะอนุญาตให้ไม่ได้ และในคำขอท้ายฟ้องก็ได้ระบุ มาตรา 7 กับมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ อันเป็นบทความผิดและบทลงโทษมาแล้ว อีกทั้งยังได้ระบุมาตรา 55 มาด้วย ส่วนกฎกระทรวงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522) หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดอาญาไม่หากแต่เป็นเพียงบทบัญญัติซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 55 กำหนดประเภท ชนิดและขนาดของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้เท่านั้น การที่ฟ้องโจทก์ไม่ได้ระบุกฎกระทรวงดังกล่าวมาในคำขอท้ายฟ้อง ยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 (6) ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน’.

Share