คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เป็นนิติบุคคลมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่อความสะดวกแก่ประชาชน แม้โจทก์จะเป็นรัฐวิสาหกิจแต่ผู้ใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์โดยเครื่องโทรศัพท์ที่เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ค่าบริการดังกล่าวก็คือสินจ้าง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่างๆ เมื่อโจทก์เรียกเอาสินจ้างอันพึงจะได้รับในการนั้นสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจึงมีอายุความ 2 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7).(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่าบริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศจากจำเลยจำนวน 10,452 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์และฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยแถลงรับว่าได้ใช้หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์ คิดเป็นเงินค่าบริการ 10,452 บาท แต่ต่อสู้เรื่องอายุความ โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ปัญหาว่าคดีโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการให้บริการและการปฏิบัติการด้านไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน แม้โจทก์จะมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมาย แต่ผู้ใช้บริการพูดวิทยุโทรศัพท์ระหว่างประเทศของโจทก์โดยเครื่องโทรศัพท์เช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียค่าบริการตามอัตราที่โจทก์กำหนดไว้ ซึ่งค่าบริการดังกล่าวก็คือสินจ้าง จึงถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่างๆ เรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้นสิทธิเรียกร้องดังกล่าวมีอายุความสองปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (7)…’
พิพากษายืน.

Share