แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 85 ที่กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องชำระเงินทันที เว้นแต่ทรัพย์สินมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป เจ้าพนักงานอาจผ่อนผันให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินมัดจำไม่เกินร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระภายในเวลา ไม่เกิน 15 วันก็ได้นั้น เป็นระเบียบหรือข้อกำหนดที่วางไว้สำหรับกรณีที่ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดได้ในตอนแรกปรากฏว่าเมื่อผู้คัดค้านที่ 2 ซื้อทรัพย์ได้แล้ว ผู้คัดค้านที่ 2ก็ปฏิบัติตามระเบียบ กระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีฯ ข้อ 85 ทุกประการโดยได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วนตามระเบียบแล้ว แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถจะโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ผู้คัดค้านที่ 2 ประมูลซื้อมาได้เนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด แม้ผู้คัดค้านที่ 2 จะได้รับเงินค่าซื้อทรัพย์คืนไปจำนวน 1,045,000 บาท ก็ตาม แต่ต่อมาศาลฎีกาได้พิพากษาให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมมีอำนาจทวงถามเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้คัดค้านที่ 2 รับคืนไปเมื่อผู้คัดค้านที่ 2 นำเงินจำนวนดังกล่าววางชำระให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ภายในกำหนดครบถ้วนแล้วจึงถือได้ว่าผู้คัดค้านที่ 2ได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์โดยถูกต้องไม่มีเหตุที่จะนำทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำอีก
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองล้มละลายผู้คัดค้านที่ 1 ได้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 1895 และ1896 ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 2 ผู้ประมูลซื้อในราคา 1,100,000 บาท ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ชำระเงินให้ครบถ้วนแล้วต่อมาผู้ร้องได้ร้องขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายและให้ทำการขายทรัพย์ใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและให้ขายทอดตลาดใหม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ชำระราคาทรัพย์ที่ขายทอดตลาดจำนวน 1,100,000 บาท ครบถ้วนแล้วต่อมาผู้คัดค้านขอรับเงินคืน 1,045,000 บาท เพราะมีการร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและขอให้ขายทอดตลาดใหม่เท่ากับอนุญาตให้ขายทอดตลาดใหม่ (น่าจะเป็นอนุญาตให้ขายทอดตลาด)ผู้คัดค้านที่ 2 มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 23 มิถุนายน 2540ด้วยตนเองผู้คัดค้านต้องชำระเงินทันที เว้นแต่จะได้รับการผ่อนผันให้วางเงินมัดจำไม่เกินร้อยละ 25 และชำระให้เสร็จสิ้นภายใน15 วัน ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี แต่ปรากฏว่าในวันนั้นผู้คัดค้านไม่ได้ชำระเงินให้เสร็จสิ้นครบถ้วนและมิได้รับการผ่อนผันให้วางเงินมัดจำและทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระภายใน 15 วัน หรือหากจะอนุโลมว่าเงินของผู้คัดค้านที่ 2 จำนวน 55,000 บาท ที่ยังไม่ได้ขอคืนเป็นเงินมัดจำ แต่ผู้คัดค้านที่ 2 ก็ไม่ได้ทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีจะต้องนำทรัพย์ออกขายทอดตลาดซ้ำอีก แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยังไม่ได้ดำเนินการ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การแจ้งให้ผู้ซื้อทรัพย์นำเงินค่าซื้อทรัพย์มาชำระเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงให้มีหนังสือสอบถามเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อนว่า มีหนังสือแจ้งให้ผู้ซื้อทรัพย์นำเงินค่าซื้อทรัพย์มาวางแล้วหรือไม่ และพ้นกำหนดเวลาที่จะนำเงินมาวางแล้วหรือไม่ เมื่อศาลชั้นต้นได้รับแจ้งจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้นำเงินส่วนที่เหลือไปชำระภายในกำหนดแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์นำเงินค่าซื้อทรัพย์มาวางภายในกำหนดเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้ง จึงให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้คัดค้านที่ 2 ได้ประมูลซื้อที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่1895 และ 1896 ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 จากการขายทอดตลาดของผู้คัดค้านที่ 1 ในราคา 1,100,000 บาท ผู้คัดค้านที่ 2ชำระเงินครบถ้วนแล้ว ต่อมาผู้ร้องได้ร้องขอให้เพิกถอนการขายและให้ทำการขายใหม่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้คัดค้านที่ 2 ได้ขอคืนเงินค่าซื้อทรัพย์จำนวน 1,045,000 บาทศาลชั้นต้นอนุญาตให้คืนเงินแก่ผู้คัดค้านที่ 2 ตามที่ขอ คงเหลือเงินอยู่จำนวน 55,000 บาท หลังจากศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องที่ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและให้ทำการขายใหม่แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ออกหมายนัดแจ้งให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำเงินค่าซื้อทรัพย์จำนวน 1,045,000 บาทไปชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหมายนัดปรากฏว่าผู้คัดค้านที่ 2 ได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในเวลาที่กำหนดแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องว่า การที่ผู้คัดค้านที่ 2 ไม่ได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์ส่วนที่เหลือในวันฟังคำพิพากษาศาลฎีกาทันทีจะทำให้ผู้คัดค้านที่ 2หมดสิทธิในการซื้อทรัพย์และต้องนำทรัพย์ออกขายทอดตลาดซ้ำอีกหรือไม่ เห็นว่าตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 85ที่กำหนดให้ผู้ซื้อทรัพย์ต้องชำระเงินทันที เว้นแต่ทรัพย์ซึ่งมีราคาตั้งแต่ 10,000 บาท ขึ้นไป เจ้าพนักงานอาจผ่อนผันให้ผู้ซื้อทรัพย์วางเงินมัดจำไม่เกินร้อยละ 25 ของราคาซื้อ และทำสัญญาใช้เงินที่ค้างชำระภายในเวลาไม่เกิน 15 วันก็ได้นั้น น่าจะเป็นระเบียบหรือข้อกำหนดที่วางไว้สำหรับกรณีที่ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดได้ในตอนแรก ซื้อปรากฏว่าเมื่อผู้คัดค้านที่ 2ซื้อทรัพย์ได้แล้ว ผู้คัดค้านที่ 2 ก็ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีพ.ศ. 2522 ข้อ 85 ทุกประการ โดยได้ชำระราคาค่าซื้อทรัพย์ครบถ้วนตามระเบียบแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่สามารถจะโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์ที่ผู้คัดค้านประมูลซื้อมาได้เนื่องจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาด แม้ผู้คัดค้านจะได้รับเงินค่าซื้อทรัพย์คืนไปจำนวน 1,045,000 บาท ก็ตาม แต่เมื่อวันที่23 มิถุนายน 2540 ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาที่ผู้ร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดเท่านั้น เมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดแล้วผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมมีอำนาจทวงถามเงินค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้คัดค้านที่ 2 รับคืนไป โดยผู้คัดค้านที่ 1 ได้ออกหมายนัดให้ให้ผู้คัดค้านที่ 2 นำเงินมาวางภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหมายนัดซึ่งปรากฏว่า ผู้คัดค้านที่ 2 นำเงินจำนวนดังกล่าววางชำระให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 ภายในกำหนดครบถ้วนแล้ว กรณีจึงถือได้ว่าผู้คัดค้านที่ 2 ได้ชำระเงินค่าซื้อทรัพย์โดยถูกต้องไม่มีเหตุที่จะนำทรัพย์พิพาทออกขายทอดตลาดซ้ำอีก ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน