แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำรถยนต์ที่มีหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมออกใช้ขับไปในที่ต่าง ๆ และแสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งขอตรวจดูความถูกต้องของรถ เป็นการใช้รถยนต์และอ้างหรือแสดงรถยนต์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจเมื่อรถยนต์มีหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมย่อมถือได้ว่าจำเลยใช้และอ้างหรือแสดงหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมต่อเจ้าพนักงานตำรวจแล้ว แม้ว่าหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์จะอยู่ในลักษณะที่ปกปิดก็ตาม และการที่จำเลยอ้างหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยใช้เอกสารดังกล่าวด้วย
จำเลยใช้และอ้างหรือแสดงหมายเลขเครื่องยนต์ปลอม หมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอมโดยมีเจตนาอย่างเดียวกันคือเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยขับนั้นเป็นรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดกรรมเดียว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกได้ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารต่างๆ ของรถยนต์บรรทุกคือหมายเลขทะเบียน หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถังหรือโครงคัสซีส์และทำการปลดแผ่นป้ายทะเบียน ส.ข.14726 และป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีประจำปีออกแล้วเขียนข้อความและเซ็นชื่อนายทะเบียนปลอมลงบนแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีประจำปี พ.ศ.2525 จังหวัดกรุงเทพมหานครของกรมตำรวจหมายเลขทะเบียน 4 ม – 2527ซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมขึ้นทั้งฉบับและทำการปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร 4 ม – 2527 จำนวน 2 แผ่นซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมขึ้นทั้งฉบับแล้วนำไปติดไว้กับรถยนต์คันดังกล่าวแทนและได้อ้างแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์อันเป็นเอกสารราชการ หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถังหรือคัสซีส์อันเป็นเอกสารธรรมดาที่จำเลยกับพวกทำปลอมขึ้นดังกล่าวมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งขอตรวจความถูกต้องเพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารราชการที่แท้จริง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268,83 และริบแผ่นป้ายวงกลมและแผ่นป้ายทะเบียนของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าทะเบียนรถยนต์ป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษี หมายเลขเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถังของรถยนต์ของกลางเป็นเอกสารปลอมยังขืนนำออกแสดงต่อบุคคลภายนอกเป็นการใช้เอกสารปลอม หมายเลขประจำเครื่องยนต์ หมายเลขตัวถังรถยนต์เป็นเอกสารสิทธิ ทะเบียนรถยนต์เป็นเอกสารราชการ ส่วนป้ายวงกลมแสดงการชำระภาษีเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการด้วย พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิ เอกสารราชการ เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษบทหนักฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม โดยผลตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 90 จำคุก 3 ปี คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงเหลือจำคุก 2 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยอ้างหรือแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม แต่แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีไม่ใช่เอกสารสิทธิ สำหรับหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์แม้จะติดอยู่กับรถยนต์แต่มีฝากระโปรงและตัวถังรถยนต์ปกปิดไว้มิดชิด เมื่อรถยนต์แล่นผ่านไปหรือไปจอดอยู่ที่ใดไม่มีประชาชนผู้ใดสามารถมองเห็นได้ และจำเลยก็ไม่ได้อ้างเอกสารดังกล่าวแก่ผู้ใดรวมทั้งเจ้าพนักงานผู้จับกุมด้วย จึงไม่มีความผิดฐานอ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุม หมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ก็เป็นเอกสารธรรมดาไม่ใช่เอกสารสิทธิ จำเลยจึงมีความผิดฐานอ้างป้ายหมายเลขทะเบียนรถยนต์และป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีซึ่งเป็นเอกสารราชการปลอมเท่านั้น แม้จำเลยจะอ้างป้ายวงกลมและแผ่นป้ายทะเบียนรถปลอมในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการอ้างเอกสารคนละประเภทกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรม พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 265 รวม 2 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานใช้และอ้างหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ซึ่งเป็นเอกสารปลอมตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติตามที่คู่ความไม่โต้แย้งกันและตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2525เวลาประมาณ 10.30 นาฬิกา ขณะที่จ่าสิบตำรวจเดชา อรุณศรี และสิบตำรวจโทเมธี (ยศขณะเบิกความ) เอี่ยมจรูญปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่ตู้ยามหน้าโรงภาพยนตร์เฉลิมชัยรามา ตำบลหลังสวน จำเลยได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าสีขาวของกลางมาจอดที่ตู้ยามดังกล่าว เจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองคนเข้าไปตรวจดูแผ่นป้ายทะเบียนรถที่ติดไว้ทางด้านหน้าและด้านหลังเป็นแผ่นป้ายหมายเลขทะเบียน 4 ม – 2557 กรุงเทพมหานคร จึงเกิดความสงสัยเนื่องจากรถยนต์ของกลางเป็นรถยนต์รุ่นเก่าควรมีหมายเลขทะเบียนเป็นอักษรหมวด น. หรือ บ. เมื่อตรวจดูป้ายแผ่นวงกลมแสดงการเสียภาษีเห็นว่ามีสีจางกว่าปกติจึงขอตรวจดูหนังสือคู่มือจดทะเบียนจากจำเลย แต่จำเลยไม่มีโดยบอกว่ายืมรถยนต์จากนายจารึกมาใช้งานจึงได้นำจำเลยพร้อมด้วยรถยนต์ของกลางไปสถานีตำรวจภูธร อำเภอหลังสวนสอบถามกองทะเบียนกรมตำรวจได้ความว่าทะเบียนหมายเลข 4 ม – 2557 กรุงเทพมหานคร ออกให้กับรถยนต์นั่งสองแถวยี่ห้อโตโยต้าสีเหลืองของนายบุญเสริม พรศิริเชิด จึงแจ้งข้อหาว่าจำเลยปลอมและใช้เอกสารปลอมมอบตัวจำเลยพร้อมรถยนต์ของกลางให้พนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวนส่งรถยนต์ของกลางไปตรวจพิสูจน์ที่กองพิสูจน์หลักฐานและกองทะเบียนกรมตำรวจ ผลการพิสูจน์ปรากฏว่า หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีหมายเลขตัวถังรถยนต์ และหมายเลขเครื่องยนต์ของรถยนต์ของกลางเป็นของปลอม เมื่อจำเลยนำรถยนต์ของกลางออกมาใช้ในวันเกิดเหตุจำเลยรู้อยู่แล้วว่าแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษี หมายเลขเครื่องยนต์ และหมายเลขตัวถังรถยนต์ซึ่งติดอยู่กับรถยนต์ของกลางเป็นเอกสารปลอม ปัญหาในชั้นนี้มีว่าจำเลยมีความผิดฐานใช้และอ้างหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์อันเป็นเอกสารปลอมหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เมื่อจำเลยนำรถของกลางออกใช้ขับไปในที่ต่างๆ และแสดงต่อจ่าสิบตำรวจเดชา อรุณศรี กับสิบตำรวจโทเมธี เอี่ยมจรูญ ซึ่งขอตรวจดูความถูกต้องของรถของกลาง ย่อมกล่าวได้ว่าจำเลยใช้รถยนต์ของกลางและอ้างหรือแสดงรถยนต์ของกลางต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองนายนี้แล้วเมื่อรถยนต์ของกลางมีหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมย่อมถือได้ว่าจำเลยใช้และอ้างหรือแสดงหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองนายดังกล่าวด้วย แม้ว่าหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์จะอยู่ในลักษณะที่ปกปิดไว้ก็ตาม ทั้งนี้ เพราะหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์นั่นเอง แม้โจทก์จะมิได้บรรยายไว้โดยชัดแจ้งว่าจำเลยใช้หมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมก็ตามแต่การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยอ้างเอกสารดังกล่าวต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองนาย ย่อมมีความหมายอยู่ในตัวว่าจำเลยใช้เอกสารดังกล่าวด้วยในเมื่อตามฟ้องเห็นได้ว่าจำเลยใช้รถยนต์ของกลาง จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้และอ้างหรือแสดงหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น แต่การกระทำของจำเลยทั้งหมดคือ ใช้และอ้างหรือแสดงหมายเลขเครื่องยนต์ปลอมหมายเลขตัวถังรถยนต์ปลอม แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอมและแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีปลอม เป็นความผิดกรรมเดียวทั้งนี้เพราะเอกสารเหล่านี้ติดอยู่ที่รถยนต์คันเดียวกัน ตามฟ้องของโจทก์ก็ปรากฏว่าจำเลยแสดงเอกสารเหล่านี้ต่อเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองนายดังกล่าวในเวลาเดียวกันตามพฤติการณ์ก็เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาอย่างเดียวกันคือเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจเห็นว่ารถยนต์คันที่จำเลยขับนั้นเป็นรถยนต์ที่ถูกต้องตามกฎหมายสำหรับหมายเลขเครื่องยนต์และหมายเลขตัวถังรถยนต์นั้นเป็นเอกสารธรรมดาไม่ใช่เอกสารสิทธิดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา ส่วนแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีและแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์นั้นเป็นเอกสารราชการตามฟ้อง ไม่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่าแผ่นป้ายวงกลมเป็นเอกสารสิทธิด้วยหรือไม่ เพราะโจทก์มิได้บรรยายฟ้องมาเช่นนั้น อนึ่ง แม้จำเลยมิได้ฎีกาว่าการกระทำของตนเป็นความผิดกรรมเดียว ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยนี้มาวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบมาตรา 265 วางโทษจำคุก 3 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 2 ปี ริบของกลางตามคำขอ.