คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4139/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สัญญาเช่าซื้อ ข้อ 7 มีความว่า “ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อและได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามแล้ว ผู้เช่าซื้อไม่ชำระให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเลิกกันโดยไม่ต้องบอกกล่าว” ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองสั่งจ่ายเช็คชำระค่าเช่าซื้อไว้ล่วงหน้า 8 ฉบับลงวันที่ 7 มีนาคม 2538 ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2538 เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเช็คทุกฉบับโจทก์มิได้มีหนังสือทวงถามไปยังจำเลย แสดงว่าโจทก์ยังไม่มีเจตนาเลิกสัญญากับจำเลยและโดยสภาพข้อสัญญาดังกล่าวกำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ผู้ให้เช่าซื้อในการบอกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวเท่านั้น เมื่อโจทก์ยึดรถคืนในวันที่16 กันยายน 2538 อันเป็นพฤติการณ์ที่ถือว่ามีการเลิกสัญญา เช็คจำนวน 7 ฉบับที่สั่งจ่ายถึงวันที่ยึดรถ จึงเป็นค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระจำเลยทั้งสองจึงต้องชำระหนี้ตามเช็ค7 ฉบับดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขายโสธร รวม 8 ฉบับสั่งจ่ายเงินฉบับละ 125,000 บาท ลงวันที่ 7 ของทุกเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงตุลาคม 2538 โดยจำเลยที่ 2 หุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 สั่งจ่ายแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เมื่อเช็คดังกล่าวครบกำหนด โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินตามวิธีการของธนาคาร แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้ง 8 ฉบับ ตามฟ้องแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถขุดไฮดรอลิก ต่อมาวันที่ 16 กันยายน 2538 โจทก์ได้ยึดรถที่เช่าซื้อคืน และวันที่ 10 ตุลาคม 2538 โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อเช็คพิพาททั้งแปดฉบับสั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ค่าเช่าซื้อตามสัญญาที่เลิกกัน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 875,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชอบตามเช็คพิพาท 7 ฉบับ ต่อโจทก์หรือไม่ ตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.23 ข้อ 7 กำหนดว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินภายในกำหนดผู้ให้เช่าซื้อถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกันทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวดังนั้น สัญญาเช่าซื้อจึงเลิกกันแล้วตั้งแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับแรกคือเอกสารหมาย จ.3 เช็คเอกสาร จ.4 ถึง จ.9 จึงปราศจากมูลหนี้ จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดนั้นเห็นว่า สัญญาเช่าซื้อข้อ 7 มีความว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อภายในกำหนดและได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้นำเงินที่ค้างมาชำระภายในกำหนดระยะเวลาตามที่ระบุในหนังสือทวงถามแล้ว ผู้เช่าซื้อยังเพิกเฉยไม่นำเงินที่ค้างชำระทั้งหมดมาชำระ ให้ถือว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นอันยกเลิกเพิกถอนไปทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแต่อย่างใด ปรากฏว่าแม้เช็คเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.9 ธนาคารจะปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อแต่ละฉบับถึงกำหนดแล้วโจทก์นำไปเรียกเก็บ แต่โจทก์ก็มิได้มีหนังสือทวงถามไปยังจำเลยแต่อย่างใด แสดงว่าโจทก์ยังไม่มีเจตนาเลิกสัญญากับจำเลยและยังเปิดโอกาสให้จำเลยนำค่าเช่าซื้อค้างชำระมาชำระแก่โจทก์ เป็นการปฏิบัติตามสัญญาได้อีกทั้งโดยสภาพแล้วสัญญาข้อนี้กำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ของผู้ให้เช่าซื้อในการบอกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวเท่านั้น หาได้มีผลเป็นการแสดงเจตนาเลิกสัญญาของผู้เช่าซื้อด้วยดังจำเลยอ้างไม่ เพราะหากจำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าซื้อประสงค์จะเลิกสัญญา ย่อมทำได้โดยง่ายด้วยการส่งมอบรถขุดที่เช่าซื้อกลับคืนแก่โจทก์ตามที่ประมวลกฎหมาย-แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 573 กำหนดให้เป็นสิทธิแก่ผู้เช่าซื้อ ดังนั้นเมื่อจำเลยทั้งสองยังคงครอบครองรถขุดที่เช่าซื้ออยู่ จำเลยทั้งสองจึงยังคงมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์สำหรับเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ก่อนที่โจทก์จะยึดรถกลับคืนมาอันเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่ามีการเลิกสัญญาเช่าซื้อต่อกัน ทั้งนี้โดยไม่ต้องอาศัยสัญญาข้อ 9 ซึ่งกำหนดว่า หากสัญญาเช่าซื้อฉบับนี้ถูกยกเลิกเพิกถอนไป ผู้เช่าซื้อตกลงยินยอมชำระค่าเช่าซื้อที่ยังค้างชำระทั้งหมดแต่อย่างใด และมิใช่ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมดังจำเลยอ้าง จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งเจ็ดฉบับซึ่งมีมูลหนี้มาจากค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share