คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4133/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำเลยให้การว่าจำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อค้ำประกันค่าหุ้นซึ่งโจทก์จำเลยเข้าหุ้นกันตั้งร้านอาหาร โจทก์ถอนหุ้นตามอำเภอใจผิดสัญญาหุ้นส่วนจึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตามเช็ค ดังนี้ จำเลยชอบที่จะนำสืบตามข้อต่อสู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากเพราะเป็นการนำสืบถึงมูลกรณีที่จำเลยออกเช็คให้โจทก์
คำให้การดังกล่าวแม้ไม่ระบุว่าโจทก์ถอนหุ้นอย่างไร เป็นจำนวนเท่าใด หุ้นส่วนเลิกกันหรือไม่ ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่จำเลยสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยผู้สั่งจ่ายชำระเงินตามเช็คจำนวน ๕๔,๕๐๐ บาท และดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์เพื่อค้ำประกันค่าหุ้นที่โจทก์จำเลยเข้าหุ้นทำกิจการร้านอาหาร โจทก์ถอนหุ้นตามอำเภอใจ จำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญาหุ้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกเงินตามเช็คจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งงดชี้สองสถานและงดสืบพยาน แล้ววินิจฉัยว่าหากโจทก์ผิดสัญญาจริงจำเลยจะต้องดำเนินคดีกับโจทก์อีกส่วนหนึ่งต่างหาก เมื่อจำเลยให้การรับว่าสั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยต้องรับผิดตามเช็คนั้น พิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแห่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐ ที่บัญญัติให้บุคคลผู้ลงลายมือชื่อในตั๋วเงินต้องรับผิดตามเนื้อความแพ่งตั๋วเงินนั้น หาใช่บทบังคับเด็ดขาดอันมีผลให้ผู้ลงลายมิอชื่อต้องถูกปิดปากมิให้โต้เถียงเป็นอย่างอื่น หากมีข้อต่อสู้ตามสัญญาหรือข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นใช้ยันคู่กรณ์อีกฝ่ายหนึ่งได้ดังนั้น แม้คำให้การของจำเลยจะยอมรับว่าได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์ก็ตาม แต่ขณะเดียวกันจำเลยก็ยกข้อต่อสู้ชึ้นปฏิเสธความรับผิดโดยอ้างว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเข้าหุ้นส่วนกับจำเลยในการทำกิจการตั้งร้านขายอาหารร่วมกัน โจทก์จึงหามีสิทธิใด ๆ ที่จะเรียกร้องให้จำเลยต้องรับผิดตามเช็คฉบับพิพาทที่จำเลยออกเพื่อค้ำประกันเงินค่าหุ้นตามความประสงค์ของโจทก์แต่อย่างใดไม่ จำเลยจึงชอบที่จะนำสืบตามข้อสู้ได้โดยไม่ต้องไปฟ้องโจทก์เป็นอีกคดีเรื่องหนึ่งต่างหาก เพราะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการแสดงให้ทราบถึงมูลกรณีที่มาอันเป็นสาเหตุให้จำเลยออกเช็คพิพาทให้แก่โจทก์นั่นเอง ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ติว่าคำให้การจำเลยมิได้ยืนยันมาให้ชัดแจ้งว่า โจทก์ถอนหุ้นอย่างไร เป็นจำนวนเท่าใด หุ้นส่วนเลิกกันหรือไม่ จึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบนั้นศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยได้อ้างมูลที่มาของการออกเช็คตลอดจนเหตุที่จำเลยไม่ต้องรับผิดเป็นประเด็นในคำให้การแล้ว ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ติดังกล่าวจึงเป็นเพียงรายละเอียดที่จำเลยสามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้ ดังนั้น จึงชอบที่ศาลจะฟังข้อเท็จจริงจากคู่กรณีให้สิ้นกระแสความเสียก่อน การที่ศาลชั้นต้นด่วนตัดพยานและพิพากษาคดีไปเลย และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนั้น ไม่ต้องชอบด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share