แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เป็นงวด ๆ ตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์มีสิทธิมารับเงินแต่ละงวดได้ทันทีหลังจากจำเลยนำเงินมาวาง เมื่อโจทก์ไม่มารับเงินงวดใดเงินงวดนั้น ๆ ก็เป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล การที่โจทก์เพิกเฉยไม่เรียกเอาเสียภายในห้าปีนับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาลเงินงวดนั้น ๆ จึงตกเป็นของแผ่นดิน.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าจำเลยยอมชำระเงิน 8,700 บาทให้โจทก์โดยผ่อนชำระเดือนละ 300 บาท จนกว่าจะครบ จำเลยจะนำเงินที่ต้องชำระมาวางศาลเพื่อให้โจทก์รับไปศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม จำเลยได้นำเงินมาวางศาลงวดละ 300 บาท ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2521 รวม 21งวดเป็นเงิน 6,300 บาท งวดสุดท้ายมาวางเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม2523 เงินงวดที่จำเลยมาวางศาลนับแต่วันที่ 14 กันยายน 2521 ถึงงวดวันที่ 19 มีนาคม 2523 เกินห้าปีแล้ว ส่วนเงินงวดวันที่ 18เมษายน 2523 กับงวดวันที่ 15 พฤษภาคม 2523 ยังไม่เกิน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ตรวจจ่ายให้เฉพาะที่ไม่เกินห้าปีจำนวน 600 บาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 323บัญญัติว่า บรรดาเงินต่างๆ ที่ค้างจ่ายอยู่ในศาลหรือที่เจ้าพนักงานบังคับคดีถ้าผู้มีสิทธิมิได้เรียกเอาภายในห้าปีให้ตกเป็นของแผ่นดิน คดีนี้จำเลยนำเงินมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เป็นงวดๆ โจทก์มีสิทธิมารับเงินแต่ละงวดได้ทันทีหลังจากจำเลยนำเงินมาวางศาล เมื่อโจทก์ไม่มารับเงินงวดดังกล่าว เงินงวดนั้นๆ ก็เป็นเงินค้างจ่ายอยู่ในศาล การที่โจทก์เพิกเฉยไม่เรียกเอาเสียภายในห้าปีนับแต่วันที่จำเลยนำเงินมาวางศาล เงินแต่ละงวดนั้นๆ ก็ตกเป็นของแผ่นดินไปที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกันสั่งให้จ่ายเงินเฉพาะงวดที่ไม่เกินห้าปี จำนวน 600 บาท ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน.