แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปซุ่มดูและเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยมาเบิกความเป็นพยานสอดคล้องต้องกัน มีเหตุผลเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งเบิกความไปตามหน้าที่ ไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อน ส่วนจำเลยมีเพียงจำเลยปากเดียวเบิกความลอย ๆไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์จึงฟังว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องได้ คำเบิกความของ ธ. พยานโจทก์ที่เบิกความว่าเข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเฮโรอีน 1 ห่อ ซุกซ่อนในช่องอิฐบล็อก ส่วนบันทึกการตรวจค้นจับกุมระบุว่าผลการตรวจค้นพบผงสีขาวคล้ายเฮโรอีน2 ห่อ ซุกซ่อนในซอกกำแพงฝาห้องนอนนั้น เมื่อได้ความว่ากำแพงห้องนอนทำด้วยอิฐบล็อก จึงไม่แตกต่างกันและที่บันทึกว่าตรวจค้นพบเฮโรอีน 2 ห่อ แต่ได้ความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฮโรอีนจากสายลับ 1 ห่อ จากการตรวจค้นบ้านอีก 1 ห่อ รวมเป็น 2 ห่อการจดบันทึกการตรวจค้นจับกุมอาจผิดพลาดได้ จึงเป็นข้อแตกต่างเล็กน้อยที่ไม่เป็นสาระสำคัญสำหรับกระปุกออมสินแม้จะทำไว้สำหรับใส่เงินเหรียญ แต่ก็สามารถใส่ธนบัตรได้จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ากระปุกออมสินดังกล่าวเล็กจนไม่สามารถใส่ธนบัตรได้ คำพยานโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขาดเหตุผล.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้มีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ อันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 2 ห่อ หนักรวม 0.05 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้จำหน่ายเฮโรอีนจำนวน1 ห่อ หนัก 0.025 กรัม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อ เจ้าพนักงานจับจำเลยและยึดได้เฮโรอีนที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายจำนวน 2 ห่อ และยึดธนบัตรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลยเป็นของกลางเฮโรอีนของกลางหมดไปในการตรวจพิเคราะห์ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 67ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และคืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าพนักงานด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 7, 15 วรรคแรก, 67 ให้จำคุก 1 ปีคืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าพนักงาน ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 66 วรรคแรกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ให้จำคุกฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปีนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบมาก่อนว่า มีการจำหน่ายเฮโรอีนที่บ้านจำเลยในวันเกิดเหตุพันตำรวจตรีสุนทร ศรีทองได้มีคำสั่งให้นายดาบตำรวจธวัชกับพวกไปตรวจค้นก่อนไปนายดาบตำรวจธวัชได้มอบธนบัตรจำนวน 50 บาท ให้สายลับไปทำการล่อซื้อเฮโรอีนจากจำเลย และได้จัดแบ่งกำลังตำรวจเป็น 2 ชุด ชุดแรกมีสิบตำรวจโททรัพย์ อุตมา กับพวกจำนวน 4-5 คน ไปซุ่มที่ข้างเล้าไก่ห่างบ้านจำเลยประมาณ 10 เมตร ส่วนชุดที่สองมีนายดาบตำรวจธวัชกับพวกเดินตามสายลับไปยืนห่างจากบ้านจำเลยประมาณ 10 เมตร เห็นสายลับส่งธนบัตรให้จำเลยจำเลยส่งมอบเฮโรอีนให้สายลับ สายลับนำเฮโรอีนมามอบให้แก่สิบตำรวจโททรัพย์นายดาบตำรวจธวัชกับพวกจึงเข้าไปตรวจค้นบ้านของจำเลยพบเฮโรอีน 1 ห่อเล็กซุกซ่อนอยู่ในช่องอิฐบล๊อกที่ใช้ก่อทำฝาบ้านและพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้ออยู่ในกระปุกออมสินเห็นว่า พยานโจทก์คือนายดาบตำรวจธวัชและสิบตำรวจโททรัพย์เบิกความสอดคล้องต้องกัน มีเหตุผลเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบทั้งเบิกความไปตามหน้าที่ไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อนที่จะฟังว่าเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้รับโทษ แม้โจทก์ไม่ได้นำสายลับมาเบิกความประกอบแต่นายดาบตำรวจธวัชเบิกความว่าเห็นสายลับส่งมอบธนบัตรที่ล่อซื้อทางประตูบ้านของจำเลยที่เปิดแง้มไว้และไม่เห็นว่าใครเป็นผู้รับธนบัตร จากนั้นได้มีการส่งมอบเฮโรอีนให้แก่สายลับ ปรากฏว่าที่บ้านของจำเลยมีจำเลยและภริยาซึ่งนอนป่วยอยู่เท่านั้นไม่มีคนอื่นอีก ดังนั้นจำเลยคือผู้ขายเฮโรอีนให้แก่สายลับ ทั้งสิบตำรวจโททรัพย์ซึ่งยืนซุ่มอยู่ที่อีกจุดหนึ่งเบิกความสนับสนุนว่าเห็นจำเลยขายเฮโรอีนให้สายลับเช่นกันนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังค้นได้ธนบัตรที่สายลับใช้ล่อซื้อเฮโรอีนจากกระปุกออมสินที่ในบ้านของจำเลย พยานจำเลยคงมีแต่จำเลยปากเดียวเบิกความลอย ๆ ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง จำเลยฎีกาว่า พยานโจทก์แตกต่างกันคืนายดาบตำรวจธวัชเบิกความว่าพบเฮโรอีนจำนวน 1 ห่อ ซุกซ่อนในช่องอิฐบล็อก แต่ตามบันทึกการตรวจค้นค้นจับกุมเอกสารหมาย จ.1 ระบุว่าผลการตรวจค้นพบผงสีขาวคล้ายเฮโรอีน 2 ห่อเล็ก น้ำหนัก 0.5 กรัม ซุกซ่อนในซอกกำแพงฝาห้องนอนไม่ควรรับฟังพยานดังกล่าว เห็นว่า ที่ว่าพบเฮโรอีนซุกซ่อนในซอกกำแพงฝาห้องนอนนั้นกำแพงห้องนอนทำด้วยอิฐบล็อกจึงไม่แตกต่างกันส่วนที่ว่าตรวจค้นพบเฮโรอีน 2 ห่อ นั้น ได้ความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฮโรอีนจากสายลับ 1 ห่อ และจากการตรวจค้นบ้านจำเลยอีก1 ห่อ รวมเป็น 2 ห่อ การบันทึกการตรวจค้นจับกุมอาจผิดพลาดได้เป็นข้อแตกต่างเล็กน้อยที่ไม่เป็นสาระสำคัญ จำเลยฎีกาอีกประการหนึ่งว่าที่พบธนบัตรในกระปุกออมสินขาดเหตุผลนั้นเห็นว่า แม้กระปุกออมสินจะทำไว้สำหรับใส่เงินเหรียญ แต่ก็สามารถใส่ธนบัตรได้จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า กระปุกออมสินเล็กจนไม่สามารถใส่ธนบัตรได้คำเบิกความของพยานดังกล่าวจึงไม่ขาดเหตุผล ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.