คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกู้เงินโจทก์ ถึงกำหนดชำระจำเลยไม่ชำระ กลับขายเรือนของจำเลยให้แก่นายเปลื้อง แต่การขาย โจทก์เป็นผู้ติดต่อบอกขายและรับชำระหนี้เป็นข้าวเปลือกแทนเงิน ดังนี้ จะถือว่า จำเลยได้โอนเรือนไปให้แก่ผู้อื่นเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนได้รับชำระหนี้ตามมาตรา 350 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ๓,๕๐๐ บาทหนี้ถึงกำหนดชำระ จำเลยบังอาจรื้อเรือนที่นำมาค้ำประกันไว้กับโจทก์ขายให้ผู้มีชื่อ โดยเจตนาจะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ โดยรู้ว่าโจทก์จะได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาล ขอให้ลงโทษ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัย ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไป ๓,๕๐๐ บาท ถึงกำหนดชำระจำเลยไม่ชำระเงินกู้ให้โจทก์ กลับขายเรือนของจำเลยให้แก่นายเปลื้อง แต่การขายเรือนรายนี้ โจทก์เป็นผู้ติดต่อบอกขายให้แก่นายเปลื้องและรับชำระหนี้เป็นข้าวเปลือกแทนเงิน ดังนี้ จะถือว่า จำเลยได้โอนเรือนไปให้แก่ผู้อื่นเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตน(โจทก์) ได้รับชำระหนี้ตามความในมาตรา ๓๕๐ แห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่ได้ เพราะจำเลยได้โอนไปโดยการรู้เห็นยินยอมของโจทก์ การกระทำของจำเลยไม่ผิดตามฟ้อง พิพากษายืน

Share