แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามฎีกาจำเลย จำเลยเถียงว่ามีเจตนาหรือไม่ และโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยได้ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และโจทก์ก็ได้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่าย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 10,000 บาท กำหนดชำระภายในวันที่ 1 สิงหาคม 2506 จำเลยได้ออกเช็คของธนาคารกรุงเทพลงวันที่ 1 สิงหาคม 2506 ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันครั้นสัญญากู้พ้นกำหนดชำระ โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคารเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2506 ธนาคารแจ้งว่าเงินฝากไม่พอจ่ายโจทก์เห็นว่าจำเลยบังอาจออกเช็คให้โจทก์โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ให้ลงโทษจำคุก 3 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาหลายข้อ ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ ข.ค. และ ง.ซึ่งเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนข้อ ก.เป็นปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาจำเลยข้อ ข.อ้างว่าโจทก์จำเลยรู้เจตนากันดีว่าในขณะทำสัญญาและออกเช็คประกันเงินกู้นั้น จำเลยไม่มีเจตนาจะให้ผูกพันและต้องรับผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ฎีกาข้อ ง.อ้างว่า ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าโจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินภายในกำหนดของกฎหมายและธนาคารในเมืองนั้นได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจึงต้องถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้องศาลฎีกาเห็นว่าเป็นฎีกาที่เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสองข้อ คือ ฎีกาข้อ ข.เถียงว่ามีเจตนาหรือไม่ ส่วนฎีกาข้อ ง.เถียงว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ได้ฟังข้อเท็จจริงฟ้องกันว่า จำเลยออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้นและโจทก์ก็ได้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่าย ฎีกาจำเลยข้อ ข.ง.จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับวินิจฉัย
สำหรับฎีกาข้อ ค.จำเลยเถียงว่า โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินเมื่อพ้นระยะเวลา 1 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 จึงเอาผิดกับจำเลยไม่ได้ฎีกาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า ตามบทกฎหมายที่จำเลยอ้างนั้น เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ยื่นเช็คนั้น แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คและเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้เพราะเงินฝากของจำเลยไม่มีพอจ่าย ดังนี้ จำเลยก็ต้องมีความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน