คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5819/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ว่างเปล่า แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยโดยอาศัยเหตุว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยในฐานะโจทก์เป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยเกินกว่า 10 ปีที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ซึ่งเป็นคนละเหตุกับคดีก่อน แม้ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกันโจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ ๕๐ ปีมาแล้ว นางจีด และนางปุ่น ได้ยกที่ดินให้นายเชย อาจจรูญ เฉพาะส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๐๔๕ ตำบลบางหวาย อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เนื้อที่ประมาณ ๑ งานเศษ นายเชยได้ครอบครองทำประโยชน์ด้วยความสงบ เปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า ๑๐ ปี แล้วต่อมานางจีดและนางปุ่นยกที่ดินส่วนที่เหลือให้นายป่วน ไพรสน ต่อมานายเชยขายที่ดินส่วนของตนให้โจทก์ โจทก์ได้เข้าครอบครองเป็นเจ้าของโดยสงบเปิดเผยเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปีแล้ว จำเลยทั้งสองซื้อที่ดินส่วนของนายป่วน แล้วเข้าครอบครองทำประโยชน์เฉพาะส่วนดังกล่าวโดยมิได้เกี่ยวข้องกับที่ดินที่โจทก์ครอบครอง ต่อมาจำเลยที่ ๑ นำรถไถเข้าไปไถในที่ดินที่โจทก์ครอบครอง แล้วปลูกโรงเรือนลงในที่ดินทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้พิพากษาว่าที่ดินโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนที่นายเชยขายให้แก่โจทก์ในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองส่งโฉนดไปโอนเติมชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยทั้งสองในส่วนของโจทก์ให้โจทก์แบ่งแยกโฉนดไป หากจำเลยทั้งสองไม่ไปโอนให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกพ้นที่ดินโจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า นางจีดและนางปุ่นไม่เคยแบ่งแยกที่ดินออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๐๔๕ และยกให้แก่นายเชย การซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์และนายเชยมิได้จดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานจึงไม่สมบูรณ์ โจทก์ครอบครองที่ดินโดยอาศัยสิทธิของนายเชย และนายเชยไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท จำเลยทั้งสองซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๐๔๕ ทั้งโฉนดโดยสุจริต โจทก์ไม่ได้เข้าทำประโยชน์ในแนวเขตที่ดินของจำเลย หากโจทก์ครอบครองที่ดินมาก็เป็นการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์โดยทางอื่นนอกจากนิติกรรมไม่อาจใช้อ้างกับจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๐๘/๒๕๒๕ ของศาลชั้นต้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ แม้จำเลยทั้งสองมิได้ให้การต่อสู้ไว้ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ (๕) พิพากษายกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๐๔๕ ตำบลบางหวายอำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี และเฉพาะส่วนที่อยู่ในเส้นสีแดงของแผนที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท และใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ ๑๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยทั้งสองจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินพิพาท ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในปัญหาที่ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้ซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๐๘/๒๕๒๕ หรือไม่นั้น เห็นว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๒๐๘/๒๕๒๕ โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ โดยอาศัยเหตุที่ว่า โจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ว่างเปล่าส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโโยอาศัยเหตุว่าโจทก์ได้ครอบครองที่ดินพิพาทของจำเลยทั้งสองในฐานะโจทก์เป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยเกินกว่า ๑๐ ปีที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ซึ่งเป็นคนละเหตุกับคดีก่อน แม้ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินแปลงเดียวกัน โจทก์ก็ฟ้องคดีนี้ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘ แล้วฟังข้อเท็จจริงว่า พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลเป็นพับ

Share