คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 410/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209 อยู่ที่มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดพิจารณานั้น มาศาลไม่ได้หรือไม่ เท่านั้น
ในวันนัดสืบพยานจำเลย การที่ทนายจำเลยทราบวันและเวลานัดพิจารณาแล้วมิได้มาศาลตามนัด แม้ศาลให้โอกาศรออยู่อีก 1 ชั่วโมงกับ 40 นาที ก็ยังไม่มาศาลเช่นนี้ ทนายจำเลยจะอ้างว่าตัวความหรือพยานยังไม่มาพบกันตนจึงยังไม่มาศาลเช่นนี้ เป็นข้ออ้างที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง และถ้ายอมให้อ้างกันได้โดยง่าย เมื่อเป็นเรื่องที่ทนายจำเลย จะมาให้ทันนัดของศาลก็มาได้ หากเห็นไม่สำคัญจึงไม่มาเช่นนี้ ไม่ถือว่า มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้ ตามป.วิ.พ. มาตรา 209 กรณีเช่นนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้กับดอกเบี้ย จำเลยต่อสู้ว่าชำระแล้วแต่ใบรับเงินหาย ศาลกะให้จำเลยนำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยวันที่ ๓๑ ต.ค. ๒๕๐๐ เวลา ๙ น. โจทก์จำเลยเซ็นทราบกำหนดนัดนี้แล้ว
ถึงวันนัด โจทก์ฝ่ายเดียวมาศาล ๆ รออยู่จนเวลา ๑๐.๔๐ น.ตัวจำเลยหรือทนายจำเลยหรือพยานจำเลย ไม่มีใครมาศาลเลย ศาลจึงสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ให้งดสืบพยานจำเลย โจทก์แถลงไม่ดีใจสืบ ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในวันนั้น เวลา ๑๓ น.
วันเดียวกันนั้นเวลา ๑๑ น. เศษ ทนายจำเลยมายื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างตัวจำเลยแขนหักไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลกลางยังไม่หาย และว่าเหตุที่ทนายจำเลยมายืนคำร้องล่าช้า เนื่องจากติดตามหาพยาน ศาลสั่งคำร้องนี้ว่า ศาลได้สั่งให้ฝ่ายจำเลยขาดนัดพิจารณาไปแล้ว ให้รวมสำนวนไว้ พอเวลา ๑๓ น. จำเลนยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๐๗ อ้างเหตุว่า ที่ทนายจำเลยมายื่นคำร้องขอเลื่อนช้าไป เพราะรอตัวจำเลยและพยานอยู่ที่บ้านจน ๑๐ น.เศษ ภริยาจำเลยจึงได้นำใบรับรองแพทย์มาแจ้งว่าจำเลยมาศาลไม่ได้พยานอื่นที่มาจึงกลับไป จำเลยมิได้จงใจขาดนัด ทั้งเวลาล่วงไปเพียง ๑ ชั่วโมงเท่านั้น ศาลชั้นสั่งว่า ได้มีคำสั่งให้ขาดนัดไปเสียแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยที่ค้าง ๔ เดือน โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาที่ไม่ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยเต็มตามฟ้อง
สำหรับคำร้องของทนายจำเลยฉบับหลัง ศาลจดรายงานว่า เมื่ออ่านคำพิพากษาแล้วทนายจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ทนายโจทก์แถลงคัดค้านศาลสั่งไต่สวนคำร้องของฝ่ายจำเลยที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ เมื่อไต่สวนแล้วศาลชั้นต้นเห็นว่า รับฟังไม่ได้ว่าทนายจำเลยมาศาลล่าช้ากว่ากำหนดนัดเพราะเหตุใด และฟังไม่ได้มีเหตุสมควรเชื่อทนายจำเลยมาศาลก่อนเวลาที่ศาลจะสั่งให้ฝ่ายจำเลยขาดนัดไม่ได้ ไม่มีเหตุที่จะควรสั่งให้มีการพิจารณาคดีใหม่ จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า กรณีมีเหตุผลอันสมควร เชื่อได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายที่ขาดนัดมาศาลไม่ได้ จึงอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ กับให้งดการบังคับคดีไว้และคำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยจำเลยขาดนัดพิจารณานั้น ให้เป็นอันเพิกถอน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกา เห็นว่า คดีมีข้อวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ มาตรา ๒๐๙ มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดพิจารณาแล้วมิได้มาศาลตามนัด แม้ศาลให้โอกาศรออยู่อีก ๑ ชั่วโมงกับ ๔๐ นาที ก็ยังไม่มาศาลเช่นนี้ มีเหตุสมควรเชื่อว่า ทนายจำเลยมาศาลไม่ได้ในระหว่างนั้นหรือไม่ ถ้ามีเหตุสมควรเชื่อได้ ก็ชอบที่จะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ศาลฎีกาพิจารณาคำร้องฉบับแรกที่ขอเลื่อนคำร้องฉบับหลังที่ขอให้พิจารณาคดีใหม่ กับที่ทนายจำเลยเบิกความเป็นพยานในการไต่สวนแล้ว ฟังเอาแน่ไม่ได้ทนายจำเลยมาศาลล่าช้ากว่ากำหนดนัดเพราะเหตุใด กลับแสดงชัดว่าทนายจำเลยจงใจถือเอาความสดวกหรือประโยชน์ของตนสำคัญยิ่งกว่า เวลานัดของศาลกล่าวคือ เมื่อถึงเวลาจะมาศาลตามนัด แม้ตัวจำเลยและพยานยังไม่มาพบกับคนก็ชอบที่ทนายจำเลยจะต้องไปให้ถึงศาลตามนัด แม้ตัวจำเลยและพยานยังไม่มาพบกันตน ก็ชอบที่ทนายจำเลยจะต้องไปให้ถึงศาลตามนัด แล้วเมื่อหาตัวจำเลยและพยานที่ศาลไม่ได้อย่างไร ก็จัดการให้คนไปติดตามหรือร้องขอต่อศาลอย่างใด ให้เป็นไปตามกระบวนความ จึงจะชอบด้วยทางปฏิบัติทั่ว ๆ ไปทนายจำเลยจะอ้างว่าตัวความหรือพยานยังไม่มาพบกับตนจึงยังไม่มาศาลเช่นนี้ เป็นข้ออ้างที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
และถ้าอ้างกันได้ เช่นนี้ ก็เท่ากับเปิดโอกาศให้มีการประวิงคดีได้โดยง่าย ๆ เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทนายจำเลยจะมาให้ทันนัดของศาลก็มาได้ หากเห็นไม่สำคัญจึงไม่มาต่างหาก และตามบทวิเคราะห์ศัพท์ ใน ป.วิ.พ. ก็ถือว่า ในการดำเนินการะบวนพิจารณา ทนายความได้ชื่อว่าเป็นคู่ความด้วย จึงฟังไม่ได้ว่า มีเหตุสมควรเชื่อว่าคู่ความฝ่ายที่ขาดนัดนั้นมาศาลไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๐๔
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ต่อไปตามกระบวนความ

Share