คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4077/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ขณะเกิดเหตุมีเสียงปืนจากทางฝ่ายผู้ตายก่อน ขณะนั้นเป็นยามวิกาลและหมู่บ้านที่เกิดเหตุมีโจรผู้ร้ายชุกชุมย่อมมีเหตุอันสมควรที่จำเลย จะเข้าใจว่า ฝ่ายผู้ตายซึ่งใช้อาวุธปืนยิงก่อนนั้นเป็นคนร้ายและใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนซึ่งขณะนั้นอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 15 เมตร และจำเลยที่ 1 ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนอีกหรือไม่ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนคาร์ไปน์ยิงไปที่ผู้ตายทั้งชุดในภาวะเช่นนั้น จึงมิใช่เป็นการกระทำด้วยความประมาทและถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงโดยมีเจตนาฆ่าช. ผู้เสียหายและ ก. ผู้ตายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะกระทำการตามหน้าที่ เป็นเหตุให้ก. ถึงแก่ความตาย แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 289 และคืนอาวุธปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 สำคัญผิดว่าผู้เสียหายและผู้ตายเป็นคนร้าย จึงใช้อาวุธปืนของกลางยิงไปที่ผู้ตายเพื่อป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำที่เกิดขึ้นด้วยความประมาทของจำเลยที่ 1 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 จำคุก 3 ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้องและคืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 สำคัญผิดโดยมีเหตุอันสมควรว่าผู้ตายเป็นคนร้ายและใช้อาวุธปืนยิงจำเลยที่ 1 ก่อนการที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายมิใช่เกิดขึ้นด้วยความประมาทของจำเลยที่ 1 และเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบมาตรา 62 วรรคแรกพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีเสียงปืนจากทางฝ่ายผู้ตายก่อน ขณะนั้นเป็นยามวิกาล และหมู่บ้านที่เกิดเหตุมีโจรผู้ร้ายชุกชุมจนถึงกับทางราชการต้องจัดเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุร้ายเวลากลางคืนย่อมมีเหตุอันสมควรที่จำเลยที่ 1 จะเข้าใจว่า ฝ่ายผู้ตายซึ่งใช้อาวุธปืนยิงก่อนนั้นเป็นคนร้ายและใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนประกอบกับขณะนั้นผู้ตายและผู้เสียหายอยู่ห่างจากจำเลยที่ 1 เพียงประมาณ15 เมตร จำเลยที่ 1 ไม่อาจทราบได้ว่าจะมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ตนอีกหรือไม่ การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงไปที่ผู้ตายทั้งชุดในภาวะเช่นนั้น จึงมิใช่เป็นการกระทำด้วยความประมาทและถือได้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบมาตรา 62 วรรคแรก
พิพากษายืน

Share