คำสั่งคำร้องที่ 1437/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา บัดนี้โจทก์และทนายโจทก์ คือนายชาญเรืองปราชญ์ มีความเห็นไม่ตรงกัน จึงขอถอนทนายความของโจทก์ และเนื่องจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตกลงกับโจทก์ว่าจะนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ โดยขอให้โจทก์ ทำคำร้องขอถอนการบังคับคดีฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2535 คำร้องลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2535 และหนังสือสัญญาประนีประนอม ยอมความลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2535 แต่ปรากฏว่าจำเลยไม่นำเงิน มาชำระหนี้โจทก์ โจทก์จึงขอยกเลิกคำร้องขอถอนการบังคับคดี คำร้องและสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งสามฉบับดังกล่าว และโจทก์เคยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2535 แต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกับโจทก์ไว้ จึงขอยกเลิกคำร้อง ฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2535 โดยขอให้บังคับคดีกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ นายชาญเรืองปราชญ์ ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 แถลงคัดค้าน และร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่10 พฤศจิกายน 2535 ต่อไป (อันดับ 258 แผ่นที่ 3)
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันผ่อนชำระเงิน 6,263,986 บาท แก่โจทก์ จำเลยทั้งสาม ไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์จึงขอให้บังคับคดี และนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 และอายัด สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 และที่ 2
ต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้หยิบยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่และยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดีไว้กับขอให้ถอนการอายัดเงิน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าให้ยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ กับให้ยกคำร้องขอให้ถอนการอายัด แต่ให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา (อันดับ 227,229)
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ กับโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนการบังคับคดีฉบับลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2535 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง (อันดับ 236 แผ่นที่ 2,238,237)
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า เนื่องจากตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อ 2 เป็นการที่จำเลยทั้งสองในคดีนี้ตกลงถอนฟ้องคดีอาญา ซึ่งไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัวที่มีพนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นโจทก์ จำเลยทั้งสองในคดีนี้เป็นโจทก์ร่วม ซึ่งกรณีเช่นนี้ ไม่อาจกระทำได้ จึงให้ศาลชั้นต้นสั่งให้คู่ความจัดทำ สัญญาประนีประนอมยอมความมาใหม่ให้ชอบด้วยกฎหมาย แล้วให้ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งคู่ความลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอม ยอมความต่อหน้าตน ลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของคู่ความท้าย สัญญาประนีประนอมยอมความด้วย เสร็จแล้วให้ส่งสัญญาประนีประนอม ยอมความและสำนวนคืนไปยังศาลฎีกาโดยเร็ว (อันดับ 241)
ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลฎีกาให้โจทก์และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ฟังแล้วและสั่งนัดพร้อมเพื่อให้คู่ความนำสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ได้จัดทำขึ้นใหม่มาเสนอศาล
โจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 253)
อนึ่งไม่ปรากฏคำร้องของ โจทก์ฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2535 ในสำนวน

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ขอถอนทนายความนั้น อนุญาต ให้ ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบด้วย และที่โจทก์ขอถอน คำร้องที่ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาตามยอมตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ที่ส่งมาพร้อมกับคำร้องดังกล่าวนั้น ศาลชั้นต้นแจ้งให้จำเลย ทั้งสองทราบแล้ว ซึ่งจำเลยทั้งสองได้แถลงว่า เมื่อโจทก์ขอถอน การประนีประนอมยอมความทางฝ่ายจำเลยก็ไม่ประสงค์ที่จะทำยอม กับโจทก์อีกต่อไป เมื่อจำเลยทั้งสองแถลงเช่นนี้ย่อมถือได้ว่า โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความที่ โจทก์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาตามยอมกันแล้ว ส่วนที่จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องภายหลังอ้างว่า ตามคำแถลงของจำเลยทั้งสอง จำเลย ทั้งสองเพียงไม่ประสงค์จะทำสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่ ศาลฎีกาสั่งให้ทำใหม่เท่านั้น จำเลยทั้งสองยังประสงค์จะทำ สัญญาประนีประนอมยอมความฉบับเดิมอยู่ เห็นว่า ตามคำแถลงของ จำเลยทั้งสองดังกล่าวข้างต้นไม่อาจแปลความเช่นนั้นได้ เมื่อ โจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนคำร้องได้ ส่วนที่โจทก์ขอถอนคำร้องขอถอน การบังคับคดีนั้น คำร้องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบังคับคดี เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะสั่ง มิใช่หน้าที่ของศาลฎีกา จึงให้คืนคำร้องของ โจทก์ ในส่วนนี้ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการ

Share