คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2722/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มิได้โอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นให้แก่สามีโจทก์ หากเป็นเพียงฝากเช็คพิพาทให้สามีโจทก์ นำเข้าบัญชีธนาคารเพื่อ เรียกเก็บเงินถือว่าสามีโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงยังเป็นผู้เสียหายและ มีอำนาจฟ้อง
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริง ที่กล่าวในฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิดและ จำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่โจทก์ ๒ ฉบับ เมื่อเช็คถึงกำหนดได้นำไปเข้าบัญชีของสามีโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินการกระทำของจำเลยเป็นการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการให้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า โจทก์เป็นผู้เสียหายหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์นำเช็คพิพาทไปเข้าบัญชีของสามีโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงินเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน สามีโจทก์ก็นำเช็คพิพาทและใบคืนเช็คให้โจทก์ และโจทก์เป็นผู้ฟ้องคดีนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มิได้โอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นให้แก่สามีโจทก์หากเป็นเพียงฝากเช็คพิพาทให้สามีโจทก์นำเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ถือว่าสามีโจทก์เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ซึ่งเป็นตัวการจึงเป็นผู้เสียหายและมีอำนาจฟ้อง ปัญหาข้อที่สองว่า เวลากระทำความผิดตามที่กล่าวในฟ้องแตกต่างกับที่ปรากฏในการพิจารณาหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์นำเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินพร้อมกับส่งคืนเช็คพิพาทและใบคืนเช็ค โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องโดยอ้างเวลาซึ่งเกิดการกระทำความผิดตามวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งสุดท้าย ศาลฎีกาเห็นว่า นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรกถึงวันฟ้อง คดียังไม่ขาดอายุความตามกฎหมายแล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจนำคดีมาฟ้องได้ ส่วนข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวฟ้องในรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่กระทำความผิด และจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลก็ลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒ ทั้งคดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดระหว่างปลายเดือนมกราคม ๒๕๒๔ ถึงปลายเดือนมีนาคม ๒๕๒๔ การเรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทครั้งแรกก็อยู่ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว กรณีมิใช่เรื่องที่โจทก์ระบุเวลาที่กระทำความผิดแตกต่างกับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาหรือเป็นเหตุให้จำเลยหลงต่อสู้
พิพากษายืน

Share