แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่แจ้งชัดมาแสดงโดยตรงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกันการที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการดำเนินการให้บริษัท บ. เพิ่มส่วนลดให้โจทก์พนักงานของบริษัทบ. ไม่นำฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มไปขายในท้องที่ที่โจทก์ขายอยู่ และบริษัท บ. ให้ของแถมเพื่อให้โจทก์นำไปแจกแก่ลูกค้าของโจทก์อีกต่อหนึ่งซึ่งทำให้โจทก์มีกำไรจากการซื้อสินค้าจากบริษัท บ. ไปขายมากขึ้น ล้วนแต่เป็นการส่งเสริมการขายเพื่อทำให้บริษัท บ. ขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการค้า แม้โจทก์จ่ายเงินให้จำเลยร้อยละห้าของกำไรที่ได้จากการขายฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัท บ. ไปขายเพื่อประสงค์จะแบ่งปันกำไร แต่เป็นเรื่องจำเลยดำเนินการให้โจทก์มีกำไรจากกิจการค้ามากขึ้น และโจทก์ให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทน.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ในกิจการค้าฟิล์มเอ็กซเรย์ต้องร่วมรับผิดกึ่งหนึ่งในหนี้ค่าฟิล์มเอ็กซเรย์ที่ซื้อจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ขอให้จำเลยชำระเงิน 1,631,965 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่าได้กระทำการตามหน้าที่ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 1,631,965 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า เมื่อพุทธศักราช 2514 โจทก์ได้ติดต่อกับจำเลยซึ่งขณะนั้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเวชภัณฑ์ของบริษัทบอร์เนียว(ประเทศไทย) จำกัดขอซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์ยี่ห้อฟูจิและน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทดังกล่าวไปขาย จำเลยตกลงขายให้ แต่โจทก์จะต้องนำไปขายนอกเขตกรุงเทพมหานคร และจำนวนสินค้าที่ขายจะต้องถึงเป้าหมายที่บริษัทดังกล่าวกำหนด ในระยะแรกยังมิได้ทำสัญญาเพราะเป็นระยะทดลอง ต่อมาวันที่ 11 มีนาคม 2514 โจทก์ในนามของร้านลิ้มปู้เคียงซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของ ได้ทำสัญญากับบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ว่าบริษัทดังกล่าวจะขายฟิล์มเอ็กซเรย์ยี่ห้อฟูจิและน้ำยาล้างฟิล์มให้โจทก์ และให้ส่วนลดร้อยละสิบสองของราคาที่วางขายตามปกติสำหรับฟิล์มเอ็กซเรย์ และร้อยละห้าของราคาที่วางขายตามปกติสำหรับน้ำยาล้างฟิล์ม และโจทก์จะต้องนำสินค้าไปขายนอกเขตกรุงเทพมหานคร โจทก์ได้ให้นางเจ็กมิ้ง แซ่โต๋ว มารดาลงลายมือชื่อในสัญญา ปรากฏตามหนังสือสัญญาจะซื้อจะขายและให้ส่วนลดเอกสารหมาย ล. 1 ต่อมาในพุทธศักราช 2516 จำเลยดำเนินการให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด เพิ่มส่วนลดให้โจทก์สำหรับฟิล์มเอ็กซเรย์ เพิ่มให้เป็นร้อยละสิบเจ็ดของราคาที่วางขายตามปกติโดยใช้วิธีลดร้อยละสิบในบิล เมื่อนำเงินมาชำระจะลดให้ร้อยละสี่ของยอดเงินในบิล และเพิ่มสินค้าให้เปล่าร้อยละสาม ส่วนน้ำยาล้างฟิล์มเพิ่มส่วนลดให้เป็นร้อยละยี่สิบของราคาที่วางขายตามปกติโจทก์นำเงินค่าสินค้ามาชำระให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ทุก 4 เดือน จนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2524 โจทก์ค้างชำระค่าสินค้าที่ซื้อไปจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด 3,163,930บาท บริษัทดังกล่าวฟ้องโจทก์เรียกร้องเงินจำนวนนี้ โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมใช้เงินให้บริษัทตามฟ้องคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าในการที่โจทก์ซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ไปขายเพื่อประสงค์ผลกำไรตั้งแต่พุทธศักราช 2516 นั้นจำเลยเป็นหุ้นส่วนร่วมกับโจทก์กระทำกิจการดังกล่าวหรือไม่เห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานที่แจ้งชัดมาแสดงโดยตรงว่าโจทก์จำเลยเป็นหุ้นส่วนกัน การวินิจฉัยปัญหานี้จึงต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ของโจทก์และจำเลยที่ปฏิบัติต่อกัน การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแผนกเวชภัณฑ์ ดำเนินการให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มส่วนลดให้โจทก์ พนักงานของบริษัทไม่นำฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มไปขายในท้องที่ที่โจทก์ขายอยู่ และบริษัทให้ของแถมเพื่อให้โจทก์นำไปแจกแก่ลูกค้าของโจทก์อีกต่อหนึ่ง ซึ่งทำให้โจทก์มีกำไรจากการซื้อสินค้าดังกล่าวจากบริษัทไปขายมากขึ้น ล้วนแต่เป็นการส่งเสริมการขายเพราะมีผลทำให้บริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ขายสินค้าได้มากขึ้น และเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทางการค้าซึ่งเจ้าของสินค้ารายอื่นกระทำกันทั่วไป จะเห็นได้จากคำนายธนา เลียวบุรินทร์ พยานโจทก์ ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด ที่ว่า การให้หของแถมแก่ลูกค้าเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อพนักงานขายของบริษัทคนหนึ่งไปขายสินค้าในที่แห่งหนึ่ง พนักงานขายคนอื่นไม่ควรไปขายสินค้าในที่แห่งเดียวกัน และคำนายปิติ พิกุลสด พยานจำเลยซึ่งเคยเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของบริษัทดีทแฮล์ม จำกัด ที่ว่า การแจกของชำร่วยแก่ลูกค้าบริษัทดีทแฮล์ม จำกัด ก็ได้กระทำและคิดจะตั้งตัวแทนจำหน่ายฟิล์มเอ็กซเรย์ในต่างจังหวัดเช่นเดียวกับบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย) จำกัด แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะผู้ที่จะเป็นตัวแทนจำหน่ายขอส่วนลดถึงร้อยละยี่สิบ ดังนั้น แม้จะฟังตามที่โจทก์นำสืบว่าโจทก์จ่ายเงินให้จำเลยร้อยละห้าของกำไรที่ได้จากการขายฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์จำเลยตกลงเข้ากันเป็นหุ้นส่วนซื้อฟิล์มเอ็กซเรย์และน้ำยาล้างฟิล์มจากบริษัทบอร์เนียว (ประเทศไทย)จำกัด ไปขายเพื่อประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการค้าดังกล่าว แต่เป็นเรื่องจำเลยดำเนินการให้โจทก์มีกำไรจากกิจการค้ามากขึ้น และโจทก์ให้เงินแก่จำเลยเป็นการตอบแทนจำเลยจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากกิจการค้านั้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น’
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.