คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2048/2525

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

การรับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 นั้น ต้องกระทำกันขึ้นก่อนที่กำหนดอายุความนั้นจะสิ้นสุดลง ส่วนการรับสภาพหนี้ที่กระทำหลังจากอายุความสิ้นสุดลงแล้วนั้นถือว่าลูกหนี้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความนั้นแล้วตามมาตรา 192 จะยกเอาอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้อีกไม่ได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง 51,978 บาทพร้อมดอกเบี้ย หากไม่ชำระหรือชำระไม่ครบให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ให้โจทก์จนครบ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ส่วนฎีกาของจำเลยข้อสุดท้ายที่ว่ามูลหนี้ของการซื้อขายได้ขาดอายุความก่อนที่จะได้มีการทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.23 ไม่ทำให้อายุความฟื้นคืนขึ้นมาอีกนั้น เห็นว่า เหตุอันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 172 ต้องเป็นกรณีที่ได้มีการกระทำกันขึ้นก่อนหรือภายในกำหนดอายุความนั้นจะสิ้นสุดลง กรณีของจำเลย แม้การทำหนังสือรับสภาพหนี้ตามเอกสารหมาย จ.23 จะได้กระทำขึ้นภายหลังเมื่อสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้แห่งการซื้อขายของโจทก์ล่วงพ้นเลยกำหนดสองปี ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) อันถือไม่ได้ว่าจะเป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงก็ตาม แต่ก็เห็นว่าประโยชน์แห่งอายุความนั้น ลูกหนี้อาจจะสละเสียได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 192 วรรคแรก การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้แก่โจทก์ดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยในฐานะลูกหนี้ได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความนั้นแล้ว จะยกเอาอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้อีกหาได้ไม่”

พิพากษายืน

Share