คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4943/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดฐานกระทำละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ร่วมกันกระทำละเมิดโดยร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงบุตรโจทก์ตาย การที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 มิได้ร่วมกันจำเลยที่ 3 ในการใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่กลับพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 3 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 429 ในฐานะบิดาซึ่งมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลปล่อยให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์หยิบฉวยอาวุธปืนไปใช้ยิงผู้ตาย จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นการนอกฟ้อง นอกประเด็นตาม ป.วิ.พ.มาตรา 142 และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นบิดามารดาของจำเลยที่ ๓ที่ ๔ จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายกิตติบุตรโจทก์หลายนัดถึงแก่ความตาม ส่วนจำเลยที่ ๔ ได้ให้การสนับสนุนการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๓จำเลยที่ ๒ เป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ซึ่งเป็นผู้เยาว์จำเลยทั้งสี่ต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน๗๐๘,๖๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ เป็นบิดา มารดาของจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ จริง แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๓ มิได้อยู่ในความปกครองของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ มิได้ทำละเมิดโดยร่วมกับจำเลยที่ ๓ ใช้อาวุธปืนยิงนายกิตตินายกิตติถึงแก่ความตายเนื่องจากการกระทำของจำเลยที่ ๓ แต่เพียงผู้เดียวขอให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๔ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๔ศาลชั้นต้นอนุญาต และจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ ๔ ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๑๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ และของต้นเงิน๑๘๐,๐๐๐ บาท นับตั้งแต่วันที่ศาลพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ ๑รับผิดฐานกระทำละเมิด โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ได้ร่วมกันกระทำละเมิดโดยร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายกิตติหรือปู ดำเนินสวัสดิ์ บุตรโจทก์จนถึงแก่ความตาย การที่ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๓ในการกระทำละเมิด โดยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่กลับพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ร่วมรับผิดด้วยในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ ๓ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๔๒๙ ในฐานะบิดาซึ่งมิได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลปล่อยให้จำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นบุตรผู้เยาว์หยิบฉวยอาวุธปืนของจำเลยที่ ๑ ไปใช้ยิงผู้ตาย จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ยกขึ้นอ้างซึ่งปัญหาเช่นว่านั้น ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดฐานละเมิดดังฟ้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ เสียด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share