แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้โจทก์ยึดที่พิพาทก่อนศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องย่อมถือได้ว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 ตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ผู้ร้องย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้เงินยืมศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์จำนวน 513,287.67บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยจำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอหมายบังคับคดีแล้วนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20721 ตำบลฉิมพลี(บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ที่ดินที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเป็นทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องได้มาโดยศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 20721 ให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง ผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน โจทก์จึงไม่มีสิทธิหรืออำนาจที่จะยึดที่ดินดังกล่าว ขอให้เพิกถอนการยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20721 เสีย
โจทก์ให้การว่า ตามคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง ศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2528 โจทก์นำยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 20721 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2528 โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวก่อนศาลแพ่งธนบุรีจะพิพากษากรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวจึงยังเป็นของจำเลยอยู่ ข้ออ้างของผู้ร้องทั้งสองเป็นเพียงบุคคลสิทธิและจำเลยยังโต้เถียงอยู่ และคดีระหว่างผู้ร้องทั้งสองกับจำเลยยังไม่ถึงที่สุดผู้ร้องทั้งสองจึงมิได้เป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์หรือร้องขอให้เพิกถอนการยึด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว สั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อศาลพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทแก่ผู้ร้องทั้งสอง คดีถึงที่สุดแล้วถือว่าผู้ร้องมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 แม้โจทก์จะได้นำยึดทรัพย์ไว้ก่อนศาลพิพากษา ตราบใดที่ไม่มีการขายทอดตลาดที่พิพาทผู้ร้องทั้งสองย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิยึดที่พิพาทไว้ต่อไป มีคำสั่งให้ปล่อยที่พิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘คดีได้ความว่า ผู้ร้องทั้งสองฟ้องบังคับให้จำเลยโอนขายที่พิพาทต่อศาลแพ่งธนบุรี โจทก์ยึดที่พิพาทก่อนศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาให้จำเลยโอนขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง ตามสำนวนคดีหมายเลขแดงที่ 5462/2528 และคดีถึงที่สุดปัญหามีว่าโจทก์มีสิทธิจะยึดที่พิพาทมาชำระหนี้ได้หรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลแพ่งธนบุรีพิพากษาให้จำเลยขายที่พิพาทให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง ย่อมถือว่าผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิตามคำพิพากษาที่จะบังคับให้จดทะเบียนสิทธิได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300 ฉะนั้นตราบใดที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดที่พิพาทผู้ร้องทั้งสองย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 287 ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิยึดที่พิพาท ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน.